กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – นักเศรษฐศาสตร์ แนะ ครม.ชุดใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ฟื้นตัว ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน ภาคเอกชน ขยายการลงทุน
ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ นักเศรษฐศาสตร์ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า การปรับ ครม.ชุดใหม่ครั้งนี้ ตลาดเงินตลาดทุน ภาคเอกชน นักลงทุนต่างชาติ ยอมรับว่าเป็นเชิงบวกจิตวิทยาได้บ้าง แต่ตลาดคาดหวังว่าจะมีนโยบายใหม่ๆ จากหลายกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ ยอมรับว่ารัฐมนตรีหลายท่านมาจาก สส.ในพื้นที่ จึงต้องแสดงฝีมือ ผลักดันนโยบายที่รัฐบาลประกาศให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพราะผลงานทางเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของชาวบ้าน นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
นักลงทุนต่างชาติ ภาคเอกชนในประเทศ ต้องการเห็นรัฐบาลมีเสถียรภาพ ถึงจะตัดสินใจขยายการลงทุน หรือเข้าลงทุนใหม่ ครม.ชุดใหม่ จึงต้องให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะปัญหาเศรษฐกิจไทย ยังต้องพึ่งพาการส่งออก สัดส่วนถึงร้อยละ 78 ของจีดีพี ขณะที่การซื้อขายบริโภคในประเทศมีเพียงร้อยละ 28 และยังต้องอาศัยเงินลงทุน FDI ของต่างชาติ และการลงทุนเอกชนไทย เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่ามกลางสงครามทางการค้า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
หลังจากธนาคารโลก คาดจีดีพีโลกโตร้อยละ 2 จากเดิมร้อยละ 3 นับว่าต่ำสุดในรอบ 17 ปี คาดการณ์จีดีพีไทยโตร้อยละ 1.7 IMF มองว่าจีดีพีไทยโตร้อยละ 1.8 สภาพัฒน์ฯ คาดจีดีพีไทยโตร้อยละ 1.8 มูสดี้ คาดไทยโตร้อยละ 2.0 ส่วน กนง.คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2 เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จึงเป็นการบ้านหนักของรัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่ ต้องเร่งหารายได้จากการส่งออก ผ่านหลายเข้ามาตรการ เข้ามาผลักดันเศรษฐกิจไทย มองว่า คุณจตุพร บุรุษพัฒน์ เคยเป็นผู้บริหารจากอดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ หากตั้งทีมที่ปรึกษา ดึงผู้เชี่ยวชาญมาร่วมงาน เดินหน้าเจรจา FTA กับหลายประเทศ หวังว่าจะดึงรายได้จากการส่งออกได้มากขึ้น
ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ครม.ชุดใหม่ ต้องสร้างผลงานทางเศรษฐกิจ เพราะถือว่าเป็นประเด็นสำคัญ เมื่อนายกรัฐมนตรีควบกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ถือว่าผู้นำประเทศเข้าไปผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวผ่านนโยบายซอล์ฟเพาเวอร์ เป็นอีกเรื่องสำคัญที่น่าจับตา ขณะที่ทีมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม เพราะเปลี่ยนตัวเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ภายสิ้นปีนี้ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด ส่วนในเรื่องประเด็นการค้า ต้องรอลุ้นนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐ จะมีผลออกมาอย่างไร เมื่อสหรัฐมีท่าทีไม่ขยายเวลา 90 วัน กับทุกประเทศ หากไทยถูกเก็บภาษีได้น้อยที่สุดจะมีผลดีต่อการส่งออก
ครม.ชุดใหม่ ยังต้องเร่งผลักดันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ผ่านหลายโครงการ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายจังหวัด เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นให้มากสุด ขณะที่ทุกกระทรวงกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและมีงบลงทุน ต้องเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุนออกสู่ระบบโดยเร็วที่สุดในไตรมาส 3 ให้มากที่สุด ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหวังอยากให้งบปี 69 เมื่อผ่านการพิจารณาจากสภา หลังมี ครม.ชุดใหม่มาขับเคลื่อน จะถูกนำออกไปใช้ในไตรมาส 4 ปี 68 รวมทั้งรัฐมนตรีคลัง เตรียมเสนอรายชื่อผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ให้ ครม.พิจารณาในเร็วๆ นี้ คาดว่า จะเป็นอีกกลไกหนึ่ง ทั้งคลังและ ธปท. ร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ด้วยดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ธนาคารปล่อยกู้ออกสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ประสานกับนโยบายการคลัง ม.หอการค้า มองว่าจะทำให้จีดีพีไทยเติบโตได้ร้อยละ 1.5-2 เพื่อให้ ครม.ชุดใหม่ร่วมผลักดันนโยบายเดิมให้เห็นผล แต่ยังมีปัญหาเสี่ยง สงครามการค้าโลก เมื่อเป็นรัฐบาลผสมจากพรรคร่วมเดิม จะทำให้โครงการลงทุน การจัดสรรงบไม่เปลี่ยนแปลงมาก สภาต้องผลักดันงบปี 69 ให้ผ่านสภา
ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติ มองไทย 2 ด้าน คือ เมืองไทยมีปัจจัยอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ จากศักยภาพในการแข่งขันของไทย ยังไม่โดดเด่นมากนัก จากนโยบาย “8 วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND” ยังเห็นผลไม่ชัดเจน และในช่วง 5 ปีข้างหน้า กองทุน IMF คาดการณ์จีดีดีไทยโตเพียงร้อยละ 3 เทียบกับแผนของรัฐบาลต้องการให้จีดีพีไทยโตร้อยละ 4-5 เมื่อไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ แรงงานไทยเริ่มลดลง จากอัตราการเกิดติดลบ การพัฒนาบุคคลากรเป็นภาพระยะยาวที่ยังไม่โดดเด่นมากนัก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ต่างชาติตัดสินใจเข้ามาขยายการลงทุน และหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน.-515- สำนักข่าวไทย