สมุทรปราการ 11 เม.ย. – AOT ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการเดินทางของพี่น้องประชาชนที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าวันนี้จะมีผู้โดยสารรวม 192,322 คน จาก 1,003 เที่ยวบิน พร้อมเผยนายกรัฐมนตรีพอใจระยะเวลาการเช็คอินน้อยลงเพียง 37 นาที
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชน บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 จุดตรวจคนเข้าเมืองและจุดตรวจค้นตามมาตรการรักษาความปลอดภัยรวมถึงการจัดระบบจราจรหน้าอาคารผู้โดยสาร โดยในวันนี้ทางสนามบินสุวรรณภูมิ คาดจะมีผู้โดยสารเดินทางรวม 192,322 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 159,836 คน ผู้โดยสารในประเทศ 32,486 คน และมีเที่ยวบิน 1,003 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 769 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 234 เที่ยวบินซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขเดียวกับปี 2562 ก่อนมีโควิด ถือว่าสถานการณ์กลับมาปกติแล้วและมีผู้โดยสารจีนเพิ่มขึ้น 30% โดยคาดว่าวันที่ 16 เมษายน จะมีประชาชนใช้บริการผ่านสนามบินสุวรรณภูมิมากที่สุด
นายกีรติ กล่าวว่า AOT ได้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยการตอบโจทย์การเดินทางผ่านแอปพลิเคชั่น SAWASDEE by AOT (สวัสดี บาย เอโอที)ซึ่งผู้โดยสารสามารถเช็คข้อมูลและสถานะเที่ยวบินแบบ Real-time พร้อมระบบแจ้งเตือนแบบอัจฉริยะเมื่อใกล้เวลาเดินทาง นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้โดยสารใช้ระยะเวลารอคอยน้อยที่สุด เช่น ระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ ระบบรับสัมภาระอัตโนมัติ และระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล เป็นต้น ทั้งนี้ระยะเวลาของกระบวนการผู้โดยสารระหว่างประเทศนั้น องค์การการบินระหว่างประเทศ หรือ ICAO (ไอเคโอ้)ได้กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมของผู้โดยสารขาออกที่ 60 นาทีต่อคน และผู้โดยสารขาเข้า 45 นาทีต่อคน ซึ่งระยะเวลาเฉลี่ยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ ICAO กำหนดคือ 37 นาที ส่วนการตรวจสนามบินสุวรรณภูมิของนายกรัฐมนตรี เมื่อคืนที่ 9 เมษายนที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรี พอใจเรื่องการรอคอยการเช็คอินที่น้อยลง โดย AOT จะทำให้ได้ภายใน 30 นาที นอกจากนี้จะลดขั้นตอนการตรวจค้นให้น้อยลง และขณะนี้ไม่จำเป็นต้องถอดรองเท้าผ้าใบเพื่อตรวจค้นแล้ว ยกเว้นรองเท้าบู้ธและรองเท้าต้องสงสัยเท่านั้น
นายกิตติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เปิดลานจอดรถระยะยาวโซน D ให้ประชาชนจอดฟรีได้ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันศุกร์ที่ 12 เมษายน ไปจนถึง เวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 16 เมษายน รวมทั้งสิ้น 5 วันโดยได้เตรียมรถวิ่งรับส่งทุก 15 นาทีระหว่างลานจอดรถกับอาคารผู้โดยสารด้วย ในส่วนของพาวเวอร์แบงก์ที่ก่อนหน้านี้สามารถใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องบินได้ ต้องมีขนาดความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh ล่าสุด นายกิตติพงศ์ ระบุว่า จะมีความจุเท่าไหร่ก็ได้ สามารถนำขึ้นเครื่องบินในเขตท่าอากาศยานของ AOT ได้แล้ว และที่สำคัญคือ พาวเวอร์แบงค์ต้องอยู่กับตัวผู้โดยสาร ไม่สามารถโหลดใส่กระเป๋าเดินทางได้ ส่วนหลักเกณฑ์ของประเทศอื่นยังเหมือนเดิมคือต้องไม่เกิน 32,000 mAh.-513-สำนักข่าวไทย