กรุงเทพ 14 ส.ค. – AOT รายงานผลดำเนินงาน 9 เดือนแรก เติบโตต่อเนื่องทั้งปริมาณผู้โดยสาร เที่ยวบิน และโครงสร้างพื้นฐาน มุ่งยกระดับสู่สนามบินระดับโลก
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวถึง ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2568) มีจำนวนเที่ยวบินรวม 602,195 เที่ยวบิน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.79 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 341,523 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 260,672 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวม 97.24 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.87 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 59.48 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 37.76 ล้านคน
ล่าสุด จากการที่ ทสภ.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของท่าอากาศยานที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศดีที่สุด (Airport Connectivity Ranking) ประจำปี 2567 โดยสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักเดินทางที่มีต่อท่าอากาศยานของ AOT ทั้งในด้านความปลอดภัย การให้บริการ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารยังส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานในภาคการบินของ AOT ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากกิจการการบินจำนวน 25,645.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน เพิ่มขึ้น 2,376.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.22 ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 52,324.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 14,262.37 ล้านบาท
นอกจากนี้ ท่าอากาศยานของ AOT ได้รับความสนใจจากสายการบินในการขยายเครือข่ายเส้นทางการบินอย่างต่อเนื่อง โดยแผนตารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule) ประจำปี 2568 (เดือนตุลาคม 2568 -มีนาคม 2569) ณ ท่าอากาศยานของ AOT มีสายการบินใหม่ 7 สา ยการบิน เข้ามาให้บริการในประเทศไทย อาทิ United Airlines, Centrum Air, Air France, Etihad Airways, T’way, Loong Air และ Scoot นอกจากนี้ ยังมีสายการบินที่เพิ่มเส้นทางการบินอีก 11 เส้นทาง ครอบคลุมสนามบินหลักและสนามบินภูมิภาค เช่น สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ให้บริการเส้นทาง ลอสแอนเจลิส – ทสภ. สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ให้บริการเส้นทาง ริยาด – ทดม. สายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้บริการเส้นทาง ปูซาน – ทดม. | ดานัง – ทภก. |
โคลัมโบ – ทภก. สายการบิน Air France ให้บริการเส้นทาง ปารีส – ทภก. สายการบิน Hainan Airline ให้บริการเส้นทาง ไหโขว่ – ทภก. | ไหโขว่ – ทชม. เป็นต้น
เพื่อรองรับการขยายตัวของเครือข่ายเส้นทางการบินดังกล่าว AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการและมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน (Incentive Scheme) ให้แก่สายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่มายังท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ AOT หรือเส้นทางการบินใหม่ของสายการบิน ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ส่วนลดด้านการบิน ในอัตราร้อยละ 50 ตลอดระยะเวลาโครงการ สำหรับโครงการ Marketing Fund ที่สนับสนุนงบส่งเสริมการตลาดในอัตรา 300 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งคน ซึ่งจะช่วยจูงใจสายการบินให้เปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศมายัง ทหญ. และ ทชร. อันเป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค รวมถึงกิจกรรม “FAM Trip” ที่นำผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศมาสัมผัสและเยี่ยมชมการท่องเที่ยวในพื้นที่จริง เป็นการแนะนำศักยภาพของท่าอากาศยานและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและเชียงราย เพื่อวางรากฐานสำหรับการขยายเส้นทางบินเชิงพาณิชย์ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ AOT จึงได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่ง ให้สามารถรองรับผู้โดยสาร 240 ล้านคนต่อปีในปี 2575
ขณะเดียวกัน AOT ก็มีแผนหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) เช่น การเปิดให้นักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีโอกาสพัฒนาพื้นที่ศักยภาพรอบสนามบินทั้ง 6 แห่ง เพื่อประกอบธุรกิจ เช่น โรงแรม โครงการ MRO โครงการ Private Jet Terminal โครงการ Logistics Hub Training Center ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attraction in Terminal เป็นต้น และยังมีการจัดเก็บค่าบริการระบบไฟฟ้า 400 Hz และระบบปรับอากาศ PC-AIR ที่อาคาร SAT-1 ทสภ. ที่สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของสายการบินที่เข้ามาใช้บริการที่ ทสภ.ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพด้านแหล่งรายได้ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งบริการดังกล่าวยังช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขณะที่เครื่องบินเข้าจอด ณ หลุมจอดอากาศยานประจำเครื่องบิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ AOT ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการลดปัญหาที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน อันจะนำไปสู่ประสิทธิภาพด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาวขององค์กรไปจนถึงการเตรียมความพร้อมให้กับ ทสภ.ในการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคต่อไป
นางสาวปวีณา กล่าวว่า จากภาพรวมผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ AOT ทั้งในด้านปริมาณเที่ยวบิน ผู้โดยสาร รายได้ และการขยายเครือข่ายเส้นทางบิน ทั้งนี้ AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสาร และรองรับการเติบโตของการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ประเทศไทยในอนาคต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินโลก Aviation Hub อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป.-513-สำนักข่าวไทย