เอแบค จับมือ THG เปิดคณะแพทยศาสตร์ ลำดับที่ 29 ของไทย

สมุทรปราการ 18 ม.ค.-มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จับมือ THG จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ ภายใต้ชื่อ St. Luke School of Medicine ตั้งเป้าเป็นโรงเรียนแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย แก้ปัญหาบุคลากรขาดแคลน ชี้ทั้งระบบเหลือแพทย์แค่ 70,000 คน หวังช่วยภาครัฐผลิตแพทย์เติมเข้าระบบสาธารณสุขไทยที่กำลังเสี่ยงขาดแคลน เตรียมเปิดรับนักศึกษารุ่นแรกปี 2568


นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยถึงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในโครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ภายใต้ชื่อ St. Luke School of Medicine เพื่อจัดทำหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) ว่า ปัจจุบันวงการสาธารณสุขของประเทศไทยมีจำนวนแพทย์ที่บันทึกอยู่ในระบบประมาณ 7 หมื่นราย และกำลังประสบสภาวะสมองไหลแพทย์ลาออกจากระบบจำนวนมาก ขณะที่สถิติของแพทย์ไทย 1 คนโดยเฉลี่ยต้องดูแลผู้ป่วยมากกว่า 1,000 คน ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานจำนวนแพทย์ต่อประชากรตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด ส่งผลให้แพทย์ต้องแบกรับภาระงานมากเกินไป หากปล่อยต่อไปจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาวะพื้นฐานของประชากรในระยะยาว ดังนั้น THG และ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในฐานะภาคเอกชนจึงอยากร่วมสนับสนุนภาครัฐสร้างสถาบันผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีคุณภาพป้อนเข้าสู่ระบบเพื่อกระจายตัวออกไปรับใช้สังคมในพื้นที่ต่างๆ จึงนำมาสู่ความร่วมมือนี้ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยไทยลำดับที่ 29 ที่เปิดสอนคณะแพทยศาสตร์

โดยคณะแพทยศาสตร์ St. Luke School of Medicine จะผสานความสามารถด้านการผลิตบัณฑิตของ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กับความเชี่ยวชาญและเครือข่ายทางการแพทย์ที่แข็งแรงของ THG เข้าด้วยกัน โดย THG รับผิดชอบในการจัดตั้งกองทุนคณะแพทยศาสตร์ ตามเกณฑ์การขอเปิดดำเนินการหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตของแพทยสภา รวมถึงจัดหาโรงพยาบาลหลักสำหรับการเรียนการสอนระดับคลินิกและสถาบันพี่เลี้ยง ตลอดจนการจัดจ้างผู้บริหาร คณาจารย์และบุคลากร รวมถึงเครื่องมือแพทย์และวัสดุอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ ขณะที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ รับผิดชอบด้านการบริหารบุคลากรและสาธารณูปโภคที่จำเป็น โดยเตรียมเปิดรับนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2568 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติและรับรองหลักสูตรจากแพทยสภาเป็นสำคัญ


นายแพทย์บุญ วนาสิน ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กล่าวว่า การจัดตั้งสถาบันการศึกษา หรือ โรงเรียนด้านการแพทย์ถือเป็นอีกหนึ่งในเจตนารมณ์ที่ THG คาดหวังและต้องการทำขึ้นเพื่อสังคมมาตลอด วันนี้ก็ได้รับการตอบรับให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยคณะแพทยศาสตร์ St. Luke School of Medicine จะมีคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติจากไทยและต่างประเทศมาเป็นผู้สอน ขณะที่หลักสูตรการเรียนการสอนเป็นแบบประยุกต์ อาทิ นำวิชา anatomy physiology และ clinical medicine มารวมกันเพื่อทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ และนำ AI มาใช้ในการเรียนการสอนด้วย โดยตั้งเป้าเป็น international medical school หรือ โรงเรียนแพทย์ที่ทันสมัยสุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

ภราดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ St. Luke School of Medicine เกิดขึ้นตามความเห็นชอบจากที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 2/2566 วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เพื่อร่วมมือกับ THG ในการผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีความรอบรู้ รับผิดชอบ มีจริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีทักษะด้านการบริหารจัดการที่สอดคล้องมาตรฐานวิชาชีพ มาตรฐานวิชาการและมาตรฐานสากล ภายใต้การกำกับดูแลของสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำนักปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สปอว.) และแพทยสภา

การก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ครั้งนี้ จะมีตราสัญลักษณ์ประจำคณะเป็นรูป “กางเขนสีเขียวเข้มบนโล่สีแดง” หมายถึง คณะแพทยศาสตร์ในสถาบันการศึกษาคาทอลิก ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากอัสสัมชัญ ในบริบทนี้จึงหมายถึงคณะแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญนั่นเอง โดยคณะแพทยศาสตร์ St. Luke School of Medicine ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ซึ่งมีการออกแบบสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานและศึกษา โดยวิทยาเขตสุวรรณภูมิจะเป็นที่เรียนของนักศึกษาในช่วง 3 ปีแรก จากนั้นในชั้นคลินิกปี 4 – 6 นักศึกษาจะไปศึกษาและฝึกปฏิบัติยังโรงพยาบาลต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถเปิดรับนักศึกษารุ่นแรก จำนวน 60 คน ได้ภายในปี 2568 ตามเป้า อย่างไรก็ตามขณะนี้ คณะแพทยศาสตร์ St. Luke School of Medicine อยู่ระหว่างประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งเพื่อพัฒนาโครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการด้าน Health Economic ระหว่างไทยและจีน รวมถึงร่วมกับ Wisconsin Medical School จัดทำโครงการพัฒนาคณาจารย์ เพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาการในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตของสถาบัน


นายแพทย์บุญ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการลงทุนในอนาคตของ THG ว่า ขณะนี้ธุรกิจโรงพยาบาลแข่งขันกันสูงมากในประเทศไทย และทาง THG ก็มีโรงพยาบาลในสังกัดแล้วถึง 10 แห่งในประเทศไทย รวมทั้งที่ประเทศเมียนมาร์ อีก 1 แห่ง ดังนั้นทาง THG จึงเตรียมที่จะเปิดคลีนิคแพทย์ทั่วประเทศอีกประมาณ 100 แห่ง มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท กระจายในทั่วประเทศไทย โดยจะเริ่มเปิดคลีนิคแพทย์ สาขาแรกที่สยามพารากอน ในช่วงปลายเดือนนี้เป็นแห่งแรก โดยใช้ AI เข้ามาช่วยในการตรวจรักษาผู้ที่มารับบริการ โดยจะเน้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคเป็นหลัก เพราะการป้องกันจะง่ายกว่าการรักษาหากเกิดโรคแล้ว โดยจะเปิดคลีนิคแพทย์ในกรุงเทพมหานครประมาณ 10 กว่าคลีนิค หลังจากนั้นจะกระจายไปทั่วประเทศ จนครบ 100 คลีนิค โดยคลีนิค จะตั้งใกล้ชุมชนเพื่อให้ประชาชน สามารถเดินเท้าเข้ามาตรวจและรักษาพยาบาลได้เลยซึ่งในแต่ละคลีนิค จะรองรับผู้มาใช้บริการได้ 5,000-10,000 คน.-513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวศาลระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]

“วันนอร์” ชมการอภิปรายงบฯ 69 วันแรก ไม่น่าเบื่อ ประเด็นไม่ซ้ำ

รัฐสภา 29 พ.ค.-“วันนอร์” ชมการอภิปรายงบฯ 69 วันแรก ทุกคนเตรียมตัวมาดี ข้อมูลเป็นประโยชน์ ไม่น่าเบื่อ ประเด็นไม่ซ้ำ ระบุแม้ สส. – รมต. – นายกฯ ไม่อยู่ห้องประชุม แต่รับฟังจากทีวี – วิทยุ ด้านนอกได้ บอก “กุสุมาลวตี” ยื่นสอบจริยธรรม “อนุทิน” ทำได้ โยนฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันแรก ว่า ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีได้เสนอรายละเอียดในทุกแง่มุม ซึ่งสภา และประชาชนที่ได้รับฟัง น่าจะเข้าใจว่ารัฐบาลมีความตั้งใจในการใช้งบประมาณในปีนี้ ส่วนผู้นำฝ่ายค้าน ก็อยากให้รัฐบาล และผู้ใช้งบประมาณปรับปรุงแนวทางในการทำงาน เพื่อให้งบประมาณเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน อภิปรายอย่างมีคุณค่าสำหรับประชาชน และผู้ที่จะใช้งบประมาณทุกภาคส่วน ก็จะนำข้อคิดเห็นนี้ไปดูแลงบประมาณ โดยหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 72 คน […]