“ปานปรีย์” ชี้ “แลนด์บริดจ์” จุดยุทธศาสตร์ใหม่ของไทย

กรุงเทพ 3 พ.ย. – “ปานปรีย์” ชูทูตเศรษฐกิจ “หัวหอก” สร้างโอกาสให้ประเทศ พร้อมระบุการทำโครงการ “แลนด์บริดจ์” จะเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของไทยในการแข่งขันเวทีโลก ขณะที่ผู้ว่าการ ธปท. ชี้การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮามาส คือ ความเสี่ยงใหม่ของเศรษฐกิจโลก


นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปาฐกถา : Thailand’s New Growth Path 2024 บริบทใหม่ของประเทศไทยในเวทีโลก ในงานสัมมนา Thailand Next Move 2024 “The Next Wealth and Sustainability” เปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน โดยกล่าวว่า การทูตเศรษฐกิจขับเคลื่อนประเทศไปสู่ “New Growth Path” บทบาทและเส้นทางของไทยขึ้นอยู่กับบริบทของโลก หลายขั้วอำนาจแข่งขันกันทั้งด้าน geo-politics geo-economy และ geo-technology รวมไปถึงการแบ่งขั้วของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย การวางจุดยืนของไทยท่ามกลางความขัดแย้งและบริบทเศรษฐกิจโลกแบ่งขั้ว สำคัญที่สุดไทยไม่ได้เป็นผู้ขัดแย้งหรือส่วนหนึ่งของความขัดแย้งใด ๆ และดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ อย่างมีดุลยภาพ แต่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถปะทุและยกระดับไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียได้ทุกเมื่อการวางจุดยืนที่ไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง จำเป็นต้องมีจังหวะสำหรับการบริหารจัดการสถานการณ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ต้องเร่งสร้างเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่และศักยภาพใหม่ให้เป็นที่ประจักษ์ทั่วโลก พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยไม่ใช่แค่ destination จุดหมายปลายทางด้านการค้าและการลงทุนเท่านั้น แต่เป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงการขนส่งไปทั่วโลก

นายปานปรีย์ กล่าวว่า New Growth Path ของเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ต้องมี 3 มิติ และภาคการเงินการธนาคารมีบทบาทอย่างมากในการส่งเสริมทั้ง 3 มิติ


  1. Green Growth การเข้าถึงบริการการเงินและแหล่งเงินทุนที่จำเป็น สำหรับการปรับกระบวนการผลิตสินค้าและบริการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  2. Innovation-driven Growth การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ
  3. Community-based Growth การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs และเศรษฐกิจชุมชน
    โดยรัฐบาลจะนำประเทศไทยสู่ New Growth Path โดยดำเนินการทูตเศรษฐกิจที่มุ่งเชื่อมโยงพันธมิตรทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ภาครัฐ เอกชน และภาคการเงินการธนาคารจะมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุนให้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเดินต่อไปได้ เพื่อส่งเสริมการเติบโตร่วมกัน พร้อมกับการแก้ปัญหาร่วมของภูมิภาคซึ่งรัฐบาลใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเป็น “หัวหอก” ของการทูตยุคใหม่ ในการแสวงหาโอกาสทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัลการพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่และการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ

นายปานปรีย์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะเร่งเจรจา FTA กับประเทศเศรษฐกิจสำคัญเพื่อขยายตลาดส่งออกของไทย และทำงานอย่างใกล้ชิดกับหุ้นส่วนภายใต้กรอบ IPEF หรือ อินโดแปซิฟิกฟอรั่ม เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยโครงการ “แลนด์บริดจ์” เชื่อมฝั่งอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ที่ จ.ชุมพร-จ.ระนอง จะเป็นแม่เหล็กใหม่ของไทย ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงหรือลดความรุนแรงด้านภูมิรัฐศาสตร์ให้ประเทศต่าง ๆ กลับมามุ่งเน้นเรื่องการค้าขายบนพื้นฐานของความเป็นธรรม และมีไทยเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งที่สำคัญไปทั่วโลก ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้นำคณะผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนเยือนต่างประเทศแล้ว 9 ทริป รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ และจะเดินทางไปร่วมประชุม IPEF ระดับรัฐมนตรีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน รวมถึงได้เดินทางไปที่จังหวัดสระแก้วเพื่อรับฟังความต้องการของผู้ประกอบการธุรกิจตามแนวชายแดน

นอกจากนี้การเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อร่วมประชุม APEC ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็น Sustainable Finance ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ รัฐบาลจะมุ่งส่งเสริมกลไกการเงินสีเขียวผ่านการออกพันธบัตร เพื่อความยั่งยืนและเชิญชวนให้นักลงทุนจากต่างชาติร่วมลงทุนใน Sustainability Linked Bonds ที่รัฐบาลวางแผนออกเพิ่มเติมเพื่อระดมทุนประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้าซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการพบหารือกับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศ เพื่อเชิญชวนและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและผู้มีทักษะสูงให้เข้ามาลงทุนและทำงานในประเทศไทย รวมถึงการจัดกำหนดการให้ภาคเอกชนไทยได้พบปะหารือกับหน่วยงานและภาคเอกชนของต่างประเทศคู่ขนานกันไป ทั้งนี้รัฐบาลจะขับเคลื่อนการทูตเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการปรึกษาหารือกับทุกภาคส่วนของไทย เพื่อให้การต่างประเทศสอดคล้องกับนโยบายภายในประเทศ เพื่อยกระดับความกินดีอยู่ดีของพี่น้องคนไทย พร้อมกับนำไทยกลับมาอยู่ในจอเรดาร์ของการเมืองและเศรษฐกิจโลกอย่างภาคภูมิ และได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติ

กระทรวงการต่างประเทศพร้อมจะทำงานร่วมกับส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ภายใต้กลไก “ทีมประเทศไทย”กระทรวงฯ เชิญทูตไทยทั่วโลกมาประชุมที่กรุงเทพฯ เพื่อระดมสมองและวางแนวทางขับเคลื่อนงานด้านการต่างประเทศร่วมกับทุกภาคส่วนและเครือข่ายของประเทศไทย เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนซึ่งก้าวต่อไปของไทยต้องมีความครบเครื่อง จุดยืน ความยืดหยุ่น ความพร้อมที่จะผงาดขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง และต้องสร้างภูมิต้านทานเพื่อเตรียมรับมือกับความผันผวนต่าง ๆ ภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันเพื่อพลิกฟื้นความเจริญรุ่งเรืองกลับมาสู่ประเทศไทย


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาในหัวข้อปรับโหมดนโยบายการเงินสู่เศรษฐกิจยั่งยืน Towards a more resilient future ว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยที่คาดไม่ถึง หรือประเมินลำบาก จะทำให้เกิดแรงกระแทกหรือผลข้างเคียงต่อเศรษฐกิจที่แรง ดังนั้น จึงจำเป็นที่เศรษฐกิจต้องปรับโหมดในการดูแลหลายมิติ โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่มี resiliency หรือความยืดหยุ่นเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ ทั้งนี้ องค์ประกอบของเศรษฐกิจที่มี resiliency ไม่ใช่แค่เสถียรภาพ แต่มีความหมายกว้างกว่านั้น มีองค์ประกอบเรื่องความทนทานภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลง มีความยืดหยุ่น ถ้ามีเหตุการณ์คาดไม่ถึงสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ มีลักษณะที่ล้มแล้วลุกขึ้นได้เร็ว เป็นต้น

ผู้ว่าการ ธปท.ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนไปมาก โดยความเสี่ยงเพิ่มสูง ซึ่งความเสี่ยงที่สูงสำหรับเหตุการณ์ที่คุ้นชิน เช่น การเติบโตของจีนที่ลดลง หรือเศรษฐกิจโลกที่ปรับลดลง เราก็สามารถรับมือได้แต่ที่น่าห่วง คือ มีความเสี่ยงใหม่ที่ไม่คุ้นชิน ทำให้คาดการณ์ลำบากว่า ผลท้ายสุดจะเป็นอย่างไร บทเรียน 10-20 ปี ที่ดูออกยาก คือ ผลข้างเคียง ยกตัวอย่าง ความเสี่ยงที่สูงมาก เช่น สถานการณ์ในตะวันออกลาง อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง จึงเป็นที่มาว่า เรื่องของเสถียรภาพ จะกลับมาเป็นพระเอก จากเดิมที่เราเน้นกระตุ้นเพื่อออกจากวิกฤตโควิด แต่ขณะนี้ บริบทเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ ต้องกลับมา ทั้งนี้ แนวทางการดูแลเศรษฐกิจที่เน้นเสถียรภาพนั้น สอดคล้องกับมุมมองของไอเอ็มเอฟ โดยเน้นเสถียรภาพ เช่น เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย เก็บลูกกระสุนการคลัง ดูแลเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ปรับโครงสร้างรับกระแสโลกใหม่ โดยสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ คือ ดูแลให้เศรษฐกิจโตตามศักยภาพที่ 3-4% ต่อปี เงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมาย 1-3% และ อย่าให้เกิดความไม่สมดุลการเงิน เป็นต้น ส่วนเสถียรภาพที่โอเคน้อยหน่อย คือ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ 91% เมื่อเปรียบเทียบจีดีพี แม้จะลดลงจากจุดสูงสุดที่ 94% แต่ก็ยังสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงโควิด อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีตัวเลขตายตัวว่าระดับเท่าไหร่เหมาะสม แต่ต่างประเทศอยากให้รักษาไว้ที่ระดับ 80% เศษ ฉะนั้นในมิตินี้ถือว่ายังมีปัญหาและจับตามอง ส่วนด้านการเปรีขเทียบในอดีต คือ ความอ่อนแอภาคการคลัง สะท้อนจากตัวเลขหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ถามว่าถ้าเปรียบเทียบกับต่างประเทศนั้น พบว่ามีหลายประเทศสูงกว่าเรา แต่หนี้ดังกล่าวเพิ่มมาอย่างเร็วจากก่อนโควิด โดยมีระดับ 62% ต่อจีดีพีนั้น สูงสุดกว่าที่เราเคยมีมา จึงเป็นตัวเลขที่ต้องใส่ใจ หรือชะล่าใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราอยากมีเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ เราต้องสร้างโอกาส เพื่อให้มีการเติบโตแบบใหม่ที่ฐานจะกว้างมากขึ้น ถ้าโตแบบเดิม ๆ จะยิ่งลำบาก โดยตัวเลขฟ้องว่าจะโตลำบาก คือ 1 ใน 3 ของแรงงานไทยและอุตสาหกรรมอยู่ในโลกเก่า เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยานยนต์ เป็นต้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป่วนปัตตานี! ลอบบึ้มชุด รปภ.งานกีฬา อบต.น้ำดำ เจ็บ 4 นาย

21 ก.ค.- ป่วนงานกีฬา อบต.น้ำดำ ปัตตานี คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่อาสาฯ ขณะรักษาความปลอดภัย บาดเจ็บ 4 นาย วันที่ 21 ก.ค.68 เมื่อเวลา 16.50 น. เกิดเหตุระเบิดบริเวณสามแยกคอกควาย บ้านบือแนยามู หมู่ที่ 4 ตำบลน้ำดำ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เบื้องต้นแรงระเบิด ทำให้ อส.ชคต.น้ำดำ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 4 นาย อาการหูอื้อ ถูกนำส่งโรงพยาบาลทุงยางแดง จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว กำลังรักษาความปลอดภัยสนามกีฬา งานกีฬา อบต.น้ำดำ ระหว่างทางได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดียทักษิณคิดเพื่อไทยทำ

21 ก.ค.- “แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดีย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ถามเป็นของเขาได้อย่างไร เหมือนตอนปล่อยคลิปเสียงแล้วมาบอกไม่ได้ปล่อย ด้าน “สรวงศ์” ขอสื่อไทยเลิกเป็นกระบอกเสียงกัมพูชา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังร่วมงานแถลงข่าวทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2569 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนางสาวแพทองธาร ตอบสั้นๆ กรณีที่มีรายงานข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะไปร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมในวันพรุ่งนี้ว่า “ไม่ทราบเลยค่ะ ” ส่วนวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.)ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีอะไรพูดเป็นพิเศษกับผู้เข้าร่วมงานหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า “ให้รอฟัง” เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาระบุว่ามีส่วนร่วมในการคิดนโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” นางสาวแพทองธาร นิ่งคิดก่อนที่จะหันไปถามนายสรวงศ์ ว่า “เป็นของเขาได้อย่างไร” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าเขาเคลมว่าเป็นแบบนั้น นางสาวแพทองธาร ยิ้ม นิ่งคิดก่อนที่นายสรวงศ์จะบอกว่า “สื่อไทยต้องเลิกเป็นกระบอกเสียงให้กัมพูชา” นางสาวแพทองธารจึงพูดต่อว่า “ก็เหมือนที่เขาบอกว่าปล่อยคลิป แล้วก็บอกว่าไม่ได้ปล่อย ใช่ไหม เหมือนกันนั่นแหละ” -สำนักข่าวไทย

มติ มส. เคาะแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง

21 ก.ค.- ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง กรณีการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย พร้อมกำหนดกรอบเวลาวินิจฉัยรู้ผลภายใน 10 วัน หากมีหลักฐานชัด และขั้นตอนการสละสมณเพศของพระที่กระทำผิด ย้ำการปรับครั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดการ เพิ่มบทบาทสำนักพุทธฯ แสวงหาข้อมูลและร่วมมือกับหน่วยงานอื่น รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวเปิดเผย ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้ โดย รศ.ดร.ชัชพล ระบุว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติม กฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง เพื่อใช้ในการเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดต่อพระธรรมวินัย หนึ่ง เกี่ยวกับการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัย กฎนี้เดิมตราขึ้นปีตั้งแต่ปี 2521 โดยจะมีการเพิ่มเติมที่ให้อำนาจข้าราชการมีส่วนนำเสนอประเด็นได้โดยไม่ต้องรอคณะสงฆ์อย่างเดียว โดยอำนาจวินิจฉัยยังเป็นคณะสงฆ์ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ จะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐาน ช่วยเร่งรัดกระชับกระบวนการให้จัดการได้ไวขึ้น โดยร่างกฎมหาเถรมาคมเรื่องลงนิคหกรรม ที่จะบังคับใช้เพิ่มเติมใหม่ จะมีการเพิ่มเติมหมวด โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติเมื่อปรากฏหลักฐานพระสงฆ์กระทำผิดชัดแจ้ง เช่น แบ่งเป็นในการพิจารณาพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระธรรมวินัย เนื่องจากเสพเมถุน หรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ […]

“บิ๊กเต่า” เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกาเป็นเหตุให้สึก

บก.ปปป. 21 ก.ค. – รอง ผบช.ก. เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกา 2 ราย เป็นเหตุให้สึก ส่วนการทุจริตก่อสร้างพุทธอุทยาน และ มจร. อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า หลังเกิดกรณีของ “กอล์ฟ” ได้ตรวจสอบเอาผิดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมถึงชั้นเทพ ส่วนกรณีวัดที่จังหวัดนครสวรรค์ มีสมณศักดิ์สูงกว่าคือชั้นธรรม ซึ่งเรื่องอาญาในการทุจริต โดยมีข้อมูลเชื่อมโยงกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี วันนี้จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน แม้พระจะสึกไปแล้วยังต้องได้รับการตรวจสอบจากตำรวจด้วยว่าจะเข้าข้อหาอาญาทุจริตหรือไม่ จากการตรวจสอบมีเส้นเงินที่ตรวจสอบพบเกี่ยวกับกอล์ฟ หลายเส้นเงิน ทาง ผบช.ก. จึงสั่งให้ตรวจสอบทุกวัด ทุกรูป แม้จะตรวจสอบไม่พบจากคลิปวิดีโอหรือแชตไลน์ ก็ให้ทำการตรวจสอบคู่ขนานกันไปด้วย ส่วนกรณีการตรวจสอบก่อสร้างของพุทธอุทยาน และโครงการในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ หรือ มจร.นครสวรรค์ ที่สร้างมานานแล้วยังไม่แล้วเสร็จนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า […]