กรุงเทพฯ 28 ส.ค.-บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ หรือ PSP หนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรของภูมิภาคอาเซียน เตรียมนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก 30 สิงหาคมนี้ หลังนักลงทุนให้การตอบรับซื้อหุ้น IPO เป็นอย่างดี เดินหน้ารุกสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีอัตรากำไรและการเติบโตสูง รองรับเมกะเทรนด์อุตสาหกรรม และมุ่งขยายตลาดต่างประเทศหวังดันสัดส่วนเพิ่มเป็น 25% ของรายได้จากการขายรวม ภายในปี 2569 นี้
นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) (“PSP” หรือ“บริษัทฯ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อหุ้น ‘PSP’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หลังจากประสบความสำเร็จในการนำเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 350 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.20 บาท
ทั้งนี้ โดยในปี 2564 ให้บริการที่ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่น และมีองค์ความรู้ด้านการวิจัยพัฒนาพร้อมห้องปฎิบัติการที่ทันสมัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรและการเติบโตสูง รองรับเมกะเทรนด์ของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่ง PSP อยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยผลิตภัณฑ์ น้ำมันเกียร์และจาระบีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ผลิตภัณฑ์หล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่รถไฟฟ้า (EV Cooling) ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) หรือจาระบี (Grease) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio Transformer Oil) การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร(Food Grade) โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 25% ของรายได้จากการขายรวม ภายในปี 2569
อย่างไรก็ตาม นอกจากผู้ถือหุ้นตามที่กำหนดซึ่งนำหุ้นจำนวนรวมกันเป็นจำนวนเท่ากับร้อยละ 55.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO ถูกสั่งห้ามขายออกตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ นับแต่วันที่หุ้นของบริษัทฯ เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว เพื่อการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ยังได้สมัครใจจะไม่ขายหุ้นที่ถือและลงนามในสัญญาข้อจำกัดการโอนหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้น (Lock-up Agreement) เป็นส่วนเพิ่มเติมจากหุ้นส่วนที่ถูกสั่งห้ามออกขายตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจำนวน 177,100,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 12.65 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ซื้อที่ซื้อหุ้นจากครอบครัวติงธนาธิกุล ณ วันที่หุ้นของบริษัทฯ ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ตกลงจะไม่ขายหุ้นที่ถือ และลงนามในสัญญาข้อจำกัดการโอนหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้น (Lock-up Agreement) เป็นระยะเวลา 1 เดือน นับจากวันซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจำนวน 102,900,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 7.35 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย