สนค.เผยเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนแรกปี66 ไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.49

นนทบุรี 22 ส.ค.-สนค. เผยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.49 ต่ำเป็นอันดับ 9 ของโลกจาก130 เขตเศรษฐกิจ เหตุสำคัญมาจากฐานการคำนวณที่สูง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและมาตรการต่างๆของภาครัฐเข้ามาเสริม


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยถึงสถานการณ์เงินเฟ้อของโลกในปี 2566 ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนแรก ปี 2566 ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.49 ต่ำเป็นอันดับ9 ของโลกจาก 130 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำสาเหตุสำคัญมาจากฐานการคำนวณที่สูง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลจากการดำเนินมาตรการของภาครัฐทั้งมาตรการทางด้านการเงิน การคลัง และมาตรการลดค่าครองชีพอื่น ๆ รวมไปถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของหลายเขตเศรษฐกิจทั่วโลก

ทั้งนี้ ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2566) โลกเผชิญกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการในวงกว้างอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามทางการค้า โรคอุบัติใหม่ โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ส่งผลให้หลายเขตเศรษฐกิจประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์ประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด – 19 การดำเนินธุรกิจต้องหยุดชะงัก อุปสงค์ลดลง ทำให้ราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างมาก จนอัตราเงินเฟ้อของหลายเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำอย่างไรก็ตาม เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด – 19 คลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง 


ขณะที่ภาคการผลิตและภาคการขนส่งบางส่วนฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับเกิดโรคระบาดในปศุสัตว์ และสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ราคาสินค้าและบริการบางประเภท อาทิ น้ำมัน ค่าบริการขนส่งทางเรือ เนื้อสุกร และผักสด ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับต้นปี 2565 เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ ธัญพืช และแร่ธาตุสำคัญ ที่รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตและส่งออกหลัก ปรับตัวสูงขึ้นในอัตราเร่ง อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจึงพุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบไปยังต้นทุนของภาคธุรกิจและค่าครองชีพของประชาชน

อย่างไรก็ตาม จาก World Economic Outlook ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 ของ International Monetary Fund (IMF) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อโลกเฉลี่ยปี 2564 และ 2565 อยู่ที่ร้อยละ 4.7 และ 8.7 ตามลำดับ ขณะที่ประเทศไทยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 2564 และ 2565 อยู่ที่ร้อยละ 1.23 และ 6.08 ตามลำดับ ส่วนปี 2566 อัตราเงินเฟ้อในหลายเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดย IMF คาดการณ์ว่าปี 2566 อัตราเงินเฟ้อโลกเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 6.8 ลดลงอย่างชัดเจนจากปี 2565 สาเหตุสำคัญมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ฐานการคำนวณในปี 2565 ที่อยู่ในระดับสูงและการใช้มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ 

เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้อระหว่างเขตเศรษฐกิจทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อของไทยเฉลี่ย 6 เดือน (ม.ค. – มิ.ย.) ปี 2566 สูงขึ้นร้อยละ 2.49 อยู่ในระดับต่ำเป็นอันดับที่ 9 จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข และต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 7 ประเทศที่มีการประกาศตัวเลข โดยเขตเศรษฐกิจที่มีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี2566 สูงกว่าไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน แคนาดา บราซิล เกาหลีใต้ อินเดีย และประเทศกลุ่มอาเซียน (เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว) 


ขณะที่เขตเศรษฐกิจที่มีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือน ปี 2566 ต่ำกว่าไทย อาทิ บาห์เรน จีน มาเก๋า ปานามา โอมาน ฟิจิฮ่องกง และไต้หวัน อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้อระหว่างเขตเศรษฐกิจเป็นการศึกษาแนวโน้มสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการของแต่ละเขตเศรษฐกิจในภาพรวม ไม่สามารถเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าเขตเศรษฐกิจใดมีเสถียรภาพทางด้านราคามากหรือน้อยกว่ากัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับบริบททางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจนั้น ๆ และจะต้องพิจารณาร่วมกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ และเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ  

นอกจากนี้ ตลอดช่วงระยะเวลาที่เงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ในระดับสูง (ปี 2565) หลายเขตเศรษฐกิจทั่วโลกได้ดำเนินนโยบายเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบในหลากหลายรูปแบบ ทั้งมาตรการทางด้านการเงิน การคลัง มาตรการดูแลค่าครองชีพ และอื่น ๆ ดังนี้ 

มาตรการด้านการเงิน ได้แก่ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีการดำเนินการในหลายเขตเศรษฐกิจ อาทิสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อชะลอการใช้จ่ายของภาคธุรกิจและประชาชน รวมถึงเพื่อลดการไหลออกของเงินทุนในประเทศ ไปยังประเทศที่มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อันจะส่งผลให้เงินอ่อนค่าลง และกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้า การแทรกแซงค่าเงินเพื่อให้แข็งค่าขึ้น 

เนื่องจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและนักลงทุนบางกลุ่มย้ายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (ทองคำเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) จึงทำให้ค่าเงินในบางเขตเศรษฐกิจอ่อนค่าลงอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีหลายประเทศที่ใช้มาตรการทางการเงินอื่น ๆ ที่เข้ากับบริบททางเศรษฐกิจของประเทศ อาทิ การปรับเพิ่มอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ (Required Reserve Ratio) ในประเทศอินเดีย และการขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศญี่ปุ่น มาตรการทางด้านการคลัง ได้แก่ การลดหย่อนภาษีสำหรับสินค้าบางประเภทที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นจนกระทบต่อภาคการผลิต อาทิ การลดภาษีสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศเกาหลีใต้ การลดภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยเฉพาะประเภทน้ำมันที่นิยมใช้ในประเทศ อาทิ การลดภาษีน้ำมันดีเซลในประเทศไทย และการให้เงินช่วยเหลือเป็นรายเดือน เพื่อช่วยบรรเทาภาระของประชาชน 

มาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และอื่น ๆ อาทิ การให้เงินอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าแก๊สการควบคุมเพดานราคาหรือตรึงราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญ อาทิ ก๊าซหุงต้ม และอาหารสดนอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่น ๆ อาทิ การจำกัดการส่งออกหรือเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อให้สินค้าเพียงพอสำหรับบริโภคในประเทศ บางเขตเศรษฐกิจมีการลงทุนในระยะยาวเพื่อลดการพึ่งพาสินค้าจากเขตเศรษฐกิจอื่นอาทิ การหาพลังงานทดแทนจากแหล่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และสนับสนุนการใช้สินค้าที่ประหยัดพลังงาน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับประเทศที่มีทรัพยากรด้านพลังงาน นอกเหนือจากกลุ่ม OPEC และประเทศพันธมิตร มีแนวโน้มจะเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น เพื่อลดอุปทานที่ตึงตัว 

ทั้งนี้ จะเห็นว่ามาตรการต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้หลายเขตเศรษฐกิจสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดีซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกชะลอตัวลงต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในอัตราที่ค่อนข้างรวดเร็ว ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน และอาหาร ซึ่งมีสัดส่วนการใช้จ่ายของคนไทยค่อนข้างมาก เมื่อราคาพลังงานลดลง และราคาสินค้ากลุ่มอาหารทรงตัว อัตราเงินเฟ้อของไทยจึงชะลอตัวลงและอยู่ในระดับต่ำ 

ทั้งนี้ การเกิดเงินเฟ้อของไทย มาจากปัญหาด้านอุปทานในต่างประเทศ ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตในประเทศสูงขึ้นเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนและประชาชนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าภาคการผลิต ทำให้ปัญหาอุปทานตึงตัวทวีความรุนแรงขึ้น ภาครัฐจึงออกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงและลดราคาสินค้าและบริการ การสนับสนุนช่องทางการทำธุรกิจใหม่ ๆ การให้เงินกู้ช่วยเหลือ การอุดหนุนราคาพลังงาน และมาตรการอื่น ๆ ของภาครัฐที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปได้ 

นอกจากนี้ เงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป และอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ฐานการคำนวณที่สูงในช่วงปลายปี 2565 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาผลจากการดำเนินมาตรการของภาครัฐในมิติต่าง ๆ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของหลายเขตเศรษฐกิจที่ส่งผลให้อุปสงค์โดยรวมของต่างประเทศลดลง และส่งผลมายังรายได้และกำลังซื้อของภาคธุรกิจและประชาชนในประเทศไทยอย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคาพลังงาน สถานการณ์ภัยแล้ง รวมไปถึงมาตรการของรัฐบาลชุดใหม่ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้ออาจไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป และขอให้ภาคธุรกิจและประชาชนวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ปรับตัวได้อย่างทันสถานการณ์ .-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]