สถาบันการเงินต้องส่งเสริมธุรกิจสีเขียวให้เติบโต

กรุงเทพฯ 25 ก.ค.-เหล่าสถาบันการเงินต้องร่วมมือส่งเสริมธุรกิจสีเขียวในกลุ่มเอสเอ็มทีไทยที่มีศักยภาพให้สามารถขับเดินหน้าต่อไปได้ โดยอยากให้สถาบันการเงินทำโปรดักต์ออกมากันมาก ๆ เพื่อช่วยเอสเอ็มอี 3.2 ล้านรายและที่มีการจ้างงานกว่า 70% ให้เติบโตอย่างยั่งยืน


ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กล่าวในงานสัมมนา “ESG Game Changer” ว่าอยู่ในโลกที่เป็นมายาคติ เมื่อก่อนเราชอบอวดรวย ไม่ว่าจะเป็นอันดับความสามารถในการแข่งขัน อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP growth) ซึ่งการแข่งเรื่อง GDP growth นำมาซึ่งภาพลวงตา และนำมาซึ่งหายนะของทุก ๆ คนบนโลกใบนี้ อวดรวยกันมาก เมื่อก่อนถ้าอยากรู้ว่าขุนคลังเก่งแค่ไหน จะต้องดีดเศรษฐกิจขึ้นไปให้เกิน 5% ให้ได้ แต่ตอนนี้ทั้งโลกโตกันแค่ 2% และจะโตประมาณ 2% กว่า ๆ ไปอีกเป็น 10 ปี ดังนั้นเราไม่ต้องไปวัดความเก่งของขุนคลังด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจหรอก รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ที่แข่งกัน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเป็น Zero sum game ไม่มีใครได้อะไร และนำมาซึ่งภาวะโลกร้อน

ทั้งนี้ ตนอยากชวนทุกคน เปลี่ยนจากอวดรวยมาเป็นอวดดี โดยเริ่มจากสแกนองค์กรของตัวเอง แล้วปรับโมเดลธุรกิจรวมถึงเชื่อมโยงกับคู่ค้าที่เป็นธุรกิจสีเขียว


ดร.รักษ์ กล่าวว่า หน้าที่ของแบงก์ในวันนี้ ไม่ใช่แค่ปล่อยกู้ หรือรับเงินฝากอีกต่อไป แต่คือ การเป็นเพลย์เมกเกอร์ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยวันนี้ทุก ๆ สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีโปรดักท์สีเขียวออกมากันหมดแล้ว ซึ่งจะช่วยหนุนให้ธุรกิจปรับตัวไปเป็น ESG player

“คนตัวเล็กกว่า 3 ล้านราย เขารู้ว่าโลกกำลังเปลี่ยนไป เขารู้ว่าจะต้องพัฒนาตัวเองอีกมากมาย แล้วใครหล่ะที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขา ถ้าไม่ใช่เรกูเลเตอร์ ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ ไม่ใช่ SFI อย่างพวกเรา สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ในช่วงชีวิตของเรา” ดร รักษ์กล่าว

ที่ผ่านมา EXIM Bank มีโปรดักท์สีเขียวออกมามากมาย แต่ยังไม่พอ ซึ่งอยากให้ทุกสถาบันการเงินมีโปรดักท์สีเขียวออกมาอีกมาก ๆ เพื่อช่วยเอสเอ็มอี 3.2 ล้านรายสามารถปรับตัวได้ การสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจสีเขียว อยากให้สถาบันการเงินทำโปรดักต์ออกมากันมาก ๆ เพื่อช่วยเอสเอ็มอี 3.2 ล้านราย ที่มีการจ้างงานกว่า 70%” กรรมการผู้จัดการ EXIM Bankกล่าว


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยในงานสัมมนา  E S G : Game Changer  ESG ภายใต้หัวข้อ The Great Remake สู่โอกาสใหม่ โดยระบุว่า โลก บริโภคน้ำมันวันละ 100 ล้านบาร์เรล ขณะที่ประเทศไทย มีการบริโภคน้ำมัน อยู่ที่วันละ 1 ล้านบาร์เรล หรือ 1% ของโลก โดยปีนี้ คาดว่า โลกจะมีการบริโภคน้ำมันอยู่ที่วันละ 102 ล้านบาร์เรล เป็นการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งปัจจุบัน หลายสำนักพยากรณ์ ได้คาดการณ์การใช้น้ำมันของโลก จะถึงสูงสุดราว 20 ปีข้างหน้า รวมถึงการขนส่งทางบก และการขนส่งทางน้ำ ก็จะถึงจุดสูงสุดด้วยเช่นกัน ขณะที่การขนส่งทางอากาศ และธุรกิจปิโตรเคมีคอล ยังมีโอกาสเติบโต 

ทั้งนี้ มี 2 ธุรกิจที่ยังมีโอกาสในการเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต และคำตอบสำหรับผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันฯ คือ การขยายการลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีคอล ที่มุ่งไปสู่การผลิตพลาสติกชีวภาพ ขณะเดียวกัน บางจากฯ มองยังมีอีกหนึ่งทางเลือก คือ เครื่องบิน ซึ่งจากการพยากรณ์พบว่า ในปี ค.ศ.2070 การปล่อยมลพิษจากธุรกิจการบินจะเติบโต 5 เท่า ดังนั้น โลกพยายามคิดค้นและพัฒนาเครื่องบินให้มีน้ำหนักเบามากขึ้นเพื่อลดการปล่อยมลพิษ และการใช้ AI มาวางแผนการบินเพื่อลดการบริโภคน้ำมัน แต่สุดท้ายแล้วคำตอบที่ชัดเจน คือการหาเชื้อเพลิงอื่นที่จะนำมาใช้แทนน้ำมัน ซึ่งจากปัจจุบันนี้ไปจนถึงปี ค.ศ.2050 โลก คิดว่า ไฮโดรเจน จะเป็นคำตอบ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยียังไม่เสถียรและต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนยังแพงกว่าน้ำมั้น 5-10 เท่า ดังนั้น ยังมีทางเลือกที่จะใช้เชื้อเพลิงไบโอแมส ซึ่งเมื่อ 15 ปีก่อน บางจากฯ มีการนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาขายคืน เพื่อทำผลิตเป็น ไบโอดีเซล (บี100) นำไปผสมในน้ำมันเป็น ดีเซล บี5,บี7 และบี10 เป็นต้น 

โดยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน(Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF ก็มีเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกับการผลิตไบโอดีเซล คือ การนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาผลิต ซึ่งบางจากฯ จะเปิดรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากประชาชนทั่วไปผ่านโครงการทอดไม่ทิ้ง ในราคาลิตรละไม่ต่ำกว่า 20 บาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานฯ กำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน ภายใต้งบลงทุน 10,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี ซึ่งปัจจุบันเที่ยวบินในประเทศไทยใช้น้ำมันเครื่องบิน ราววันละ 50 ล้านลิตร ขณะที่ประเทศในทวีปยุโรปมีการใช้มาตรการบังคับให้ผสม SAF ลงไปในน้ำมันอากาศยานทั่วไปในสัดส่วนอย่างน้อย 2% ในปี 2568 ก็จะต้องการใช้ SAF อยู่ที่วันละ 1 ล้านลิตร ซึ่งบางจากฯจะเป็นรายแรกของประเทศที่ผลิต อีกทั้งยังช่วยลดปล่อยมลพิษได้ราวปีละกว่า 80,000 ตัน 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บางจากฯ จะต้องพัฒนาต่อ คือการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ ที่เรียกว่า Book and Claim คือสามารถเข้าไปใน Carbon Markets Club จะมีแอพพลิเคชั่นเพื่อแจ้งความต้องการใช้ SAF ในการทำการบิน ก็จะสามารถนำมาเคลมคาร์บอนเครดิตได้ ซึ่งบางจากฯ อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า บางจากฯ พยายามจะสร้าง ecosystem เพื่อมุ่งสู่ป้าหมาย “Net Zero” ของประเทศไทยที่กำหนดเป้าหมายปี ค.ศ. 2065 เป็นปีที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ กลุ่มบางจากฯ ซึ่งได้ประกาศเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030 และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2050 มุ่งมั่นร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำด้วย แผน BCP NET ครอบคลุม 4 แนวทาง ดังนี้

B: Breakthrough Performance

เน้นกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ปล่อยคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เทคโนโลยีและเชื้อเพลิงที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิตในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก การเปิดสถานีบริการ Net Zero การใช้ไฟฟ้าจากระบบกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่) ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบีซีพีจี เป็นต้น

C: Conserving Nature and Society

สนับสนุนการสร้างสมดุลทางระบบนิเวศและเชื่อมโยงสู่สังคม คาร์บอนต่ำ ผ่านการดูดซับคาร์บอนด้วยวิถีธรรมชาติมุ่งเน้นพัฒนากิจกรรมเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับคาร์บอนจาก 2 ระบบนิเวศ ได้แก่ 1) ระบบนิเวศจากป่า (Green Carbon) เช่นโครงการปลูกป่ากับกรมป่าไม้ โครงการอนุรักษ์ป่าชุมชนร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และปลูกต้นไม้ในพื้นที่ปฏิบัติการทั่วประเทศ และ 2) ระบบนิเวศทางทะเล (Blue Carbon) จากแหล่งป่าชายเลนและหญ้าทะเล เช่น โครงการปลูกป้าชายเลนร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้แหล่งหญ้าทะเลเพื่อช่วยในการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกที่เกาะหมากและเกาะกระดาด จังหวัดตราด เป็นต้น

P: Proactive Business Growth and Transition

เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่พลังงานสะอาด มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ด้วยเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสีเขียว เน้นขยายการลงทุน ใหม่ ๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ ศึกษาเทคโนโลยีตอบโจทย์ธุรกิจคาร์บอนต่ำ เช่น Blue/Green Hydrogen เชื้อเพลิงทางเลือกคาร์บอนต่ำ เช่น เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมสร้างวัฒนธรรมคาร์บอนต่ำ

N: Net Zero Ecosystem

สร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการไปสู่เป้าหมาย Net Zero อาทิ การดำเนินธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิงโดยบริษัท BFPL การให้บริการและจำหน่ายเชื้อเพลิงทางเลือกคาร์บอนต่ำ การจัดทำแพลตฟอร์มให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie การก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต การร่วมก่อตั้ง Syn Bio Consortium การสร้างวัฒนธรรมคาร์บอนต่ำในองค์กรผ่านโครงการรณรงค์ต่าง ๆ เช่น ‘Bangchak 100x Climate Action ทุกคนช่วยได้” ไปจนถึงโครงการรณรงค์ลดขยะกับลูกค้าและผู้บริโภค เช่น ‘แก้วเพาะกล้า’รักษ์ ปัน สุข’ แล: ‘ขยะกำพร้าสัญจร’ ฯลฯรวมถึงการให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และสื่อสารกับผู้ที่มีส่วนได้เสียทางธุรกิจ นำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

สุดท้ายในวงการพลังงาน และกลุ่มบริษัทบางจาก ควรให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Balancing the Energy Trilemma) ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) ก็ต้องรอดูว่า รัฐบาลชุดใหม่ของไทย จะให้ความสำคัญในเรื่องใดมากที่สุดระหว่าง 3 เรื่องนี้ 

“ปัจจุบัน พอร์ตธุรกิจของบางจากฯ 30% เป็น Carbon Neutral แล้ว และอีก 70% เป็นเรื่องที่กำลังจะปรับปรุงอยู่ ซึ่งก็มีความตั้งใจว่า อย่างน้อยสิ้นปี ค.ศ.2030 จะมี Carbon Neutral และพอร์ตของบางจากฯจะเป็นสีเขียว 50% และอีก 50%เป็นสีเทา”

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดีลซื้อหุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) ด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้แจ้งมติกลับมาแล้ว กำลังปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องอยู่ ความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย