กรุงเทพฯ 18 มิ.ย.-GGC ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 20% จากเมทิลเอสเทอร์ (B100) แฟตตี้แอลกอฮอล์ และกลีเซอรีน ทุ่ม 8 พันล้านดีล M&A มุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมทั้งต่อยอดธุรกิจเดิมรวมถึงการลงทุนธุรกิจใหม่ เช่น ไบโอเจท
นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาจากปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์ (B100) ปรับตัวดีขึ้นประมาณ 20% ขณะที่ยอดขายแฟตตี้แอลกอฮอล์ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% ส่วนธุรกิจกลีเซอรีน คาดวอลุ่มจะขยับตามความต้องการใช้ B100 แม้ว่าภาพรวมยอดขายปี 2566 จะเติบโตขึ้น แต่บริษัทยังมีปัจจัยกดดันจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลงอย่างมาก หรือประมาณ 40-60% เมื่อเทียบกับปีก่อน อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ปีนี้ลดลง หรือใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 25,164 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าสถานการณ์ราคาขายผลิตภัณฑ์จะเริ่มดีขึ้นในปี 2567 ซึ่งจะส่งให้รายได้ปี 2567 เติบโตขึ้นตามไปด้วย นอกจาก B100 แฟตตี้แอลกอฮอล์ และกลีเซอรี ในปี 2567 ยังจะมีรายได้จากโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 ที่จะเดินเครื่องเต็มปี รวมทั้งรายได้จากกิจการที่บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าซื้อกิจการ(M&A) ที่จะมีความชัดเจนในช่วงต้นปีหน้า โดยบริษัทเตรียมวงเงินสำหรับดีล M&A ไว้แล้วประมาณ 8 พันล้านบาท
“ปัจจุบันบริษัทมีความสามารถผลิต B100 ได้ 5 แสนตันต่อปี แต่ดีมานด์ในตลาดยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก จึงเดินเครื่องไม่เต็มที่ ซึ่งปีก่อนเดินเครื่อง 50% แต่ปีนี้ดีขึ้น มาอยู่ที่ 65% ตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากภาครัฐประกาศใช้ B7 ทำให้ดีมานด์หายไป 25% แทนที่จะเป็น B10-B20 แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนใหสามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ในด้านธุรกิจกลีเซอลีน ราคาปรับลดลง 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทจึงเน้นขายในตลาดไฮเกรดมากขึ้น” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับความคืบหน้าโครงการ NBC เฟส 1 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว แต่ยังไม่เต็ม capacity เนื่องจากวัตถุดิบยังไม่เพียงพอ ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตเอทานอลเพียง 50-60% จากความสามารถในการผลิตเต็มกำลัง อยู่ที่ 6 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอ้อยเพื่อเพิ่มผลผลิตมากขึ้น ทั้งนี้ฤดูหีบอ้อยหน้า จะเริ่มในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ บริษัทจะพยายามผลิตเอทานอลให้ได้ตามเป้าที่ 6 แสนลิตรต่อวัน ส่วนความคืบหน้าโครงการ NBC เฟส 2 ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเตรียมวัตถุดิบ ให้บริษัท NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพรายใหญ่ในสหรัฐฯ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จกลางปี 2567 โดยจะเริ่มเปิดให้บริการและรับรู้รายได้ภายในปีหน้า
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโต ทิศทางการดำเนินงานตาม 3 ยุทธศาสตร์หลักเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะยาว ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน (Enhance Competitiveness) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Enhance Competitiveness) และสร้างความยืดหยุ่น (Resilience) เพื่อรองรับต่อสถานการณ์ที่กดดันต่อการดำเนินธุรกิจรวมทั้งการสร้างผลกำไรอย่างเต็มความสามารถ โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ด้านยุทธศาสตร์ที่ 2 การเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Growth Portfolio) การมุ่งเน้นสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนต่อยอดในธุรกิจเดิมของบริษัท รวมถึงการลงทุนธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ ไบโอเจท ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์และทำการตลาดในปี 2567 ,ธุรกิจเคมีชีวภาพ และธุรกิจส่วนประกอบอาหารและโภชนเภสัช ในกลุ่มเครื่องสำอางและอาหารเสริมมากขึ้น และยุทธศาสตร์ที่ 3 การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) เพื่อการเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการอย่างยั่งยืน (Sustainable Company).-สำนักข่าวไทย