กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – หุ้นไทยปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี 2 เดือน เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย ในประเด็นจัดตั้งรัฐบาล และแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของต่างชาติ
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่าหุ้นไทยปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี 2 เดือน ท่ามกลางแรงฉุดจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยหุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าไฟฟ้าและลดปัญหาการผูกขาด ซึ่งกระตุ้นแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าและสื่อสาร นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ หลังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังไม่ส่งสัญญาณถึงโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ย
ในวันศุกร์ (19 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,514.89 จุด ลดลง 2.98% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 56,210.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.14% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.15% มาปิดที่ระดับ 480.76 จุด
ด้านเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือนที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ช่วงต้นสัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 ของไทยที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยในประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล และแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน นอกจากนี้สกุลเงินเอเชียในภาพรวมก็อ่อนค่าลงตามเงินหยวน ซึ่งถูกกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ในวันศุกร์ที่ 19 พ.ค. 2566 เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 34.50 ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 พ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 10,679 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 17,741 ล้านบาท (ขายสุทธิ 17,671 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 70 ล้านบาท) สัปดาห์ถัดไป (22-26 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.00-34.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,500 และ 1,475 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,535 และ 1,555 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. -สำนักข่าวไทย