กรุงเทพฯ 2 ก.พ. – ttb analytics ประเมินปี 2566 ผู้ประกอบการไทย 25% พร้อมลงทุนด้วยสินทรัพย์และเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่ 31% จำเป็นต้องลงทุนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน คาด เศรษฐกิจทั้งปีโต3.6% จากท่องเที่ยวและบริโภคเอกชนทยอยฟื้นตัว
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่าปี 2566 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.6% จากปี 2565 ที่ขยายตัว 3.2% โดยมีภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคเอกชนกลับมาทยอยฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 28 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในไทยคาดว่าจะกลับมาเติบโตเช่นกัน ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 2.25 ล้านล้านบาท เติบโต 80% จากปี 2565 นอกจากนี้ การที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศสามารถกลับมาเป็นปกติได้ในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สามารถดึงการบริโภคภาคเอกชนให้ฟื้นตัวด้วยเช่นกัน
ttb analytics ศึกษาความต้องการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในปี 2566 โดยวิเคราะห์การฟื้นตัวของรายได้กิจการ(Total Revenue Index ซึ่งคำนวณจากรายได้ผู้ประกอบการปี 2564 เทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19) เทียบกับอัตรากำไรก่อนหักภาษี (EBIT Margin ปี 2564) โดยใช้ข้อมูลงบการเงินของสถานประกอบการที่มีรายได้มากกว่า 30 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 103,265 กิจการ ที่รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยประเมินความต้องการลงทุนเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 กิจการที่ต้องลงทุนด้วยสินทรัพย์และเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม คิดเป็นผู้ประกอบการ 25% ของกิจการทั้งหมดเป็นกลุ่ม “รายได้ฟื้นตัวและอัตรากำไรดี” ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ ขนส่งและโลจิสติกส์ รับเหมาก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยางพารา เหล็กและโลหะ ไอทีและเทเลคอม บรรจุภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ บริการธุรกิจ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องจักรและชิ้นส่วน
กลุ่มที่ 2 กิจการที่ต้องลงทุนด้วยเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม เป็นกลุ่ม “รายได้ฟื้นตัว แต่อัตรากำไรต่ำ” ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ สินค้าเกษตรแปรรูป อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค
กลุ่มที่ 3 กิจการที่ต้องลงทุนด้านการตลาดเพิ่ม คิดเป็นผู้ประกอบการ 21% เป็นกลุ่ม “รายได้ยังไม่ฟื้น แต่อัตรากำไรดี” ต้องการลงทุนทางด้านการตลาด เช่น การโฆษณา การผสมผสานการขายผ่านออนไลน์และออฟไลน์ ฯลฯ เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กระดาษและสิ่งพิมพ์ ประมง และเฟอร์นิเจอร์
กลุ่มที่ 4 กิจการที่ต้องลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน คิดเป็นผู้ประกอบการ 31% เป็นกลุ่ม “รายได้ยังไม่ฟื้น และอัตรากำไรต่ำ” จำเป็นต้องลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของกิจการ โดยการลงทุนที่ต้องใช้เงินทุน ได้แก่ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยในการบริหารจัดการด้านการผลิต การเงิน และการตลาด ส่วนการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินทุน ได้แก่ การตรวจสอบกระบวนการผลิตและการขนส่ง ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว พลังงาน ธุรกิจเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์และชิ้นส่วน และสินค้าแฟชั่น
ทั้งนี้ พบว่าผู้ประกอบการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้้งภาคตะวันออก มีความพร้อมลงทุนด้านสินทรัพย์และเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความพร้อมที่จะลงทุนเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม เพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ.-สำนักข่าวไทย
พร้อมแนะผู้ประกอบการที่มีความพร้อมด้านการลงทุนตามรายกลุ่มอุตสาหกรรม 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการภาคการผลิต ควรพิจารณารลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประหยัดต้นทุน ประหยัดพลังงาน เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 1-3 ปีข้างหน้า , ผู้ประกอบการภาคการค้า ควรประยุกต์ใช้ช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์กับออฟไลน์อย่างลงตัวเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่ม, และผู้ประกอบการภาคบริการ ควรเน้นการบริการที่มีมาตรฐานและรวดเร็ว เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า กลับมาใช้บริการอีก และบอกต่อ.-สำนักข่าวไทย