กรุงเทพฯ 9 พ.ย.-ราคาน้ำมันดิบไตรมาส 3/65 ดิ่ง กดดันโรงกลั่นฯขาดทุนสตอก ส่งผล IRPC ขาดทุนไตรมาส3/65ถึง 2,549 ล้านบาท ส่วนกลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกผันผวน โดยเฉพาะผลกระทบจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่งผลปิดไตรมาส3/65 ราคาน้ำมันดิบดูไบ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 84.20 – 111.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ฉลี่ยอยู่ที่ 96.88 เหรียญ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 11.17 เหรียญสหรัฐฯ จาก ไตรมาส 2/2565 ที่มีราคาเฉลี่ย ที่ 108.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันประสบปัญหาขาดทุนสตอก และมีผลต่อการดำเนินการ
นายนพดล ปิ่นสุภา รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2565 ไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 124,174 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสตอกน้ำมันอยู่ที่ 8.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ขาดทุนจากสตอกน้ำมัน 9,238 ล้านบาท และมี EBITDA ติดลบ568 ล้านบาท เมื่อรวมกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินจำนวน 5,090 ล้านบาทและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,710 ล้านบาท หลังหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ทำให้ในไตรมาส 3/2565 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมถึงการอ่อนค่าของค่าเงินบาทในช่วงเวลานี้ ไทยออยล์ได้มีการบริหารป้องกันความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันดิบและด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนจากสถาณการณ์ดังกล่าว
นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในหลายประเทศทั่วโลกคลี่คลายลงทำให้เกิดการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้เชื้อเพลิงสำหรับทำความร้อนในช่วงฤดูหนาว คาดภาพรวมธุรกิจการกลั่นช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 มีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 ว่า IRPC มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 4,485 ล้านบาท (7.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2565 8,077 ล้านบาท หรือร้อยละ64 โดยมีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง และต้นทุน Crude Premium ปรับตัวเพิ่มขึ้นรวมทั้ง ขาดทุนสต็อกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทขาดทุนสุทธิ 2,549 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 2,155.05 ล้านบาท ขาดทุนสตอกน้ำมัน4,020 ล้านบาม หรือ 6.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล
แนวโน้มภาวะตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 4 ปี 2565 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล นอกจากนี้การที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรมีมติปรับลดการผลิตลง 2.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเดือนธันวาคม 2566 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบ ส่วนแนวโน้มภาวะตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 4 ปี 2565 คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะฟื้นตัวขึ้นตามสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงงานเทศกาลปลายปี รวมทั้งความต้องการ จากกลุ่มธุรกิจ New S-Curve เช่น EV Car, Charging station ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการในกลุ่ม Robotics ที่ในปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ทดแทนแรงงานคนมากขึ้น นอกจากนี้ กำลังการผลิตใหม่ที่เดิมคาดว่าจะเพิ่มเข้ามาในปี 2565 นี้ อาจจะมีการเลื่อนการผลิตออกไป และหลายโรงงานมีการประกาศลดอัตรากำลังการผลิตลง
ล่าสุด IRPC ได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ศึกษาการลงทุนตามกลยุทธ์ Advanced Business Integration (ABI) โดยจะร่วมกันพัฒนา 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตวัสดุประสิทธิภาพชั้นสูง (High Performance Materials) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนสำคัญของ Li-ion แบตเตอรี่ (Battery Component) ธุรกิจการทำให้สารบริสุทธิ์ (Purification) และธุรกิจเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์เพื่อชีวิต (Chemical for Life) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก โดยในช่วงเริ่มต้นจะเน้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับแผ่นกรองอากาศ และน้ำ (Air และ Water Purification) ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่หันมาดูแลรักษาสุขอนามัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก Polypropylene (PP) และ Acrylonitrile Butadiene Styrene (ABS) ของ IRPC อีกด้วย .-สำนักข่าวไทย