ญี่ปุ่นระบุโควิดทำตกงาน 70,000 ตำแหน่ง

โตเกียว 10 พ.ย.- กระทรวงแรงงานของญี่ปุ่น ระบุว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้คนกว่า 70,000 คน ต้องตกงาน หรือกำลังจะตกงาน กระทรวงแรงงานของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบจำนวนผู้ถูกเลิกจ้าง หรือไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้าง เนื่องจากนายจ้างประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจพบว่า ช่วงสิ้นเดือนมกราคม ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน มีผู้ตกงานหรือกำลังจะตกงาน 70,242 คน แต่เชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงจะสูงกว่านี้ เพราะตัวเลขที่ได้มารวบรวมเฉพาะกรณีที่สำนักงานแรงงานในภูมิภาค และสำนักงานจัดหางานสาธารณะ ได้รับรายงานมาเท่านั้น ข้อมูล ณ วันที่ 30 ตุลาคม แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีการเลิกจ้างถึง 12,979 ตำแหน่ง รองลงมาคือผับและร้านอาหาร ซึ่งมีการเลิกจ้างคนงานไป 10,445 คน ขณะที่ภาคการค้าปลีก มีคนว่างงาน 9,378 คน และมีพนักงานโรงแรมตกงาน 8,614 คน กระทรวงแรงงานญี่ปุนขอให้ธุรกิจต่างๆ จ้างงานพนักงานไว้ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากโครงการเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ขณะเดียวกันกระทรวงยังให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ว่างงาน ในการหางานใหม่ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นสั่งตั้งงบเสริมก้อนสามกระตุ้นเศรษฐกิจ

โตเกียว 10 พ.ย.- นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะของญี่ปุ่น สั่งคณะรัฐมนตรีจัดทำงบประมาณเสริมก้อนที่สามสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาด แหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า งบประมาณเสริมสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้า จะเป็นงบสนับสนุนโครงการให้เงินอุดหนุนในแคมเปญ “Go To Travel” หรือ “ออกไปเที่ยว” ของรัฐบาลที่คาดว่าจะขยายหลังสิ้นสุดในปลายเดือนมกราคม เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวต่อไป ควบคู่ไปกับการกระตุ้นการบริโภค และช่วยให้ภาคธุรกิจยังคงการจ้างงานไว้ ส.ส. บางคนของพรรคเสรีประชาธิปไตย และพรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า งบประมาณเสริมดังกล่าว จะมีวงเงินระหว่าง 10-15 ล้านล้านเยน (ระหว่าง 2.88-4.33 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ยังจะถูกนำไปเป็นทุนส่งเสริมให้บรรดาบริษัทพัฒนาตนเองให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้นและเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน ปรับปรุงการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติของประเทศ และเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้กับคู่รักที่กำลังเข้าโครงการส่งเสริมการมีบุตร.-สำนักข่าวไทย

พรรคท้องถิ่นยะไข่โค่นพรรคซู จี

ซิตตเว 10 พ.ย.- พรรคแห่งชาติอาระกันหรือเอเอ็นพี (ANP) โค่นพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดี (NLD) ที่เป็นพรรครัฐบาลเมียนมาในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ ด้วยการกวาดคะแนนในเขตเลือกตั้งส่วนใหญ่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ ผลการนับคะแนนเบื้องต้นชี้ว่า นายนี ปู มุขมนตรีรัฐยะไข่ พรรคเอ็นแอลดียังคงได้รับเลือกตั้งอีกสมัย แต่พรรคเสียที่นั่งในหลายเมืองที่เคยเป็นฐานเสียงในการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2558 คณะกรรมการการเลือกตั้งเมียนมาประกาศยกเลิกการเลือกตั้งปีนี้ใน 9 เมืองทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ โดยอ้างเรื่องเหตุรุนแรงจากการที่กองทัพกำลังสู้รบกับกองทัพอาระกัน และจำกัดการเลือกตั้งให้เหลือเพียงเมืองซิตตเวที่เป็นเมืองเอกและเขตทางใต้ เท่ากับมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียง 1 ใน 4 จากทั้งหมด 1.6 ล้านคนในรัฐนี้ เว็บไซต์อิรวดีอ้างแหล่งข่าวพรรคเอเอ็นพีว่า ผู้สมัครของพรรคอย่างน้อย 15 คน ชนะเลือกตั้งในสมัชชาแห่งสหภาพซึ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎร สภาชาติพันธุ์ซึ่งเป็นสภาสูง สภาระดับรัฐและสภาภูมิภาคของรัฐยะไข่ ถือเป็นความสำเร็จเพราะเขตเหล่านี้ไม่เคยเป็นฐานเสียงของพรรคมาก่อน พรรคนี้หาเสียงด้วยการขอให้ชาวรัฐยะไข่สนับสนุนพรรคชาติพันธุ์ในรัฐ มากกว่าพรรคคนนอกหรือพรรคเบอร์มา ซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ทรัมป์ ปลดฟ้าผ่า รมต.กลาโหม

วอชิงตัน 10 พ.ย.- ผู้นำสหรัฐปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ขัดแย้งกันมานานเรื่องนโยบาย ส่งสัญญาณว่าจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือในการดำรงตำแหน่งหาทางเรียกคะแนนหลังพ่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตว่า ได้ปลดนาย มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่งแล้ว และผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ นายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ทั้งนี้โดยให้มีผลในทันที ขณะที่วุฒิสภามีแนวโน้มว่าจะยังไม่รับรองการเสนอชื่อ จนกว่าทรัมป์จะหมดวาระในเดือนมกราคม ที่ผ่านมาทรัมป์ มีความเห็นขัดแย้งกับเอสเปอร์ในหลายประเด็น และไม่พอใจอย่างยิ่งที่เอสเปอร์คัดค้าน ที่ทรัมป์ขู่จะใช้ทหารประจำการ เข้าปราบปรามการประท้วงต่อต้านความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ จากกรณี จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของตำรวจ ในมินนิแอโพลิสเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐที่ขอสงวนชื่อเผยว่า หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้แจ้งให้เอสเปอร์ทราบล่วงหน้าไม่กี่นาทีเรื่องทรัมป์จะทวีตปลดเขาออกจากตำแหน่ง ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เอสเปอร์รู้ตัวดี และได้เตรียมลาออก หรือเตรียมรับการถูกปลดมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์ได้รับเลือกกลับมาเป็นสมัยที่สอง ทั้งนี้โดยทรัมป์ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาแพ้การเลือกตั้งให้กับ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ก่อน.-สำนักข่าวไทย

บราซิลระงับทดลองวัคซีนโควิดจีน

เซาเปาโล 10 พ.ย.- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบราซิลระงับการทดลองทางคลินิกวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของบริษัทจีน เนื่องจากเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงเมื่อปลายเดือนก่อน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ผลข้างเคียงร้ายแรงดังกล่าวเกิดขึ้นในการทดลองในบราซิลหรือประเทศอื่น และไม่ได้ชี้แจงว่าเหตุใดจึงเพิ่งเปิดเผยเรื่องนี้ ทั้งที่พบผลข้างเคียงตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ด้านอินสติตูโต บูตันตัน สถาบันวิจัยทางชีววิทยาในเมืองเซาเปาโลที่กำลังทดลองวัคซีนโควิด-19 ของชิโนแวกของจีนเผยว่า แปลกใจกับการตัดสินใจของทางการ สถาบันจะเปิดการแถลงข่าวในเวลา 11.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 21.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย หัวหน้าสถาบันเผยกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า มีเรื่องการเสียชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่การเสียชีวิตเพราะวัคซีน การทดลองขณะนี้มีอาสาสมัครเข้าร่วมกว่า 10,000 คน จึงมีโอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิต แต่ไม่ใช่การเสียชีวิตเพราะวัคซีน จึงไม่ใช่เวลาที่ระงับการทดลอง วัคซีนของชิโนแวกเป็นหนึ่งในวัคซีนของจีนสามขนานที่อยู่ระหว่างการทดลอง แม้ว่าจีนได้ฉีดให้แก่คนหลายแสนคนตามโครงการฉุกเฉินไปแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนเผยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมว่า ไม่พบว่าเกิดผลข้างเคียงระหว่างการทดลองทางคลินิก ขณะที่หลายประเทศที่กำลังทดลองขั้นสุดท้ายอย่างอินโดนีเซียและตุรกีก็ยังไม่ได้ประกาศระงับการทดลอง.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐอนุมัติใช้ฉุกเฉินแอนติบอดีโควิดขนานแรก

วอชิงตัน 10 พ.ย.- สหรัฐอนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินยาผลิตจากแอนติบอดีขนานแรกที่อยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลแต่เสี่ยงป่วยหนัก สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอ (FDA) อนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินแบมลานิวิแมบ (bamlanivimab) ของอีไลลิลลี่ (Eli Lilly) บริษัทยาอเมริกัน ตามที่ข้อมูลการทดลองชี้ว่า การฉีดยานี้เพียงครั้งเดียวช่วยลดความจำเป็นที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ความเสี่ยงสูงจะต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเข้าห้องฉุกเฉิน เป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่ผลิตเลียนแบบแอนติบอดีที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ เอฟดีเอระบุว่า แอนติบอดีของอีไลลิลลี่สามารถใช้ได้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 อายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง และผู้ป่วยอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วและเสี่ยงทำให้ป่วยหนัก แต่ไม่อนุญาตให้ใช้กับผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หรือผู้ป่วยที่ต้องรับออกซิเจน เพราะอาจทำให้อาการทรุดลง ด้านอีไลลิลลี่เผยว่า จะเริ่มจัดส่งแอนติบอดีนี้ผ่านบริษัทตัวแทนจำหน่ายทันที แต่การจัดสรรในระดับภูมิภาคต้องเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลกลาง ตั้งเป้าจะผลิตให้ได้ถึง 1 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ เพื่อใช้ทั่วโลกในต้นปีหน้า รัฐบาลสหรัฐสั่งซื้อแล้ว 300,000 โดส รับปากว่าผู้ป่วยชาวอเมริกันจะได้รับการฉีดฟรี แต่สถานพยาบาลอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดำเนินการ.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกหวังจะได้ทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลไบเดน

เจนีวา 10 พ.ย.- ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกหวังว่า จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงจุดมุ่งหมายร่วมกัน และว่า ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าว องค์การอนามัยโลกขอแสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน และรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริสที่ได้รับเลือกตั้ง หวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ระงับการให้ทุนสนับสนุนองค์การอนามัยโลก และเริ่มกระบวนการถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลกในเดือนกรกฎาคมปีหน้า จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติโรคโควิด-19 โดยทรัมป์ได้กล่าวหาองค์การอนามัยโลกว่า ยึดจีนเป็นศูนย์กลางในการจัดการกับการระบาดของโรค ขณะที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกยืนกรานปฏิเสธ ส่วนไบเดน ซึ่งได้ร่วมการประชุมคณะทำงานโควิดแห่งชาติเมื่อวานนี้ เคยกล่าวไว้ในระหว่างหาเสียงว่า จะยกเลิกการตัดสินใจของทรัมป์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โอกาสเดียวกันนี้ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกยังเห็นด้วยกับความพยายามของฝรั่งเศส เยอรมนี และสหภาพยุโรป ในการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์การอนามัยโลกด้วย โดยกล่าวว่า การให้ทุนสนับสนุนองค์การอนามัยโลกควรต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องลดความแตกต่างระหว่างความคาดหวังในองค์กรกับทรัพยากรที่องค์กรมีอยู่.-สำนักข่าวไทย

น้ำมันพุ่ง 8% หลังมีข่าววัคซีนโควิด-19

นิวยอร์ก 10 พ.ย.- ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นประมาณร้อยละ 8 ถือเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลังจากไฟเซอร์ประกาศความสำเร็จในการทดลองวัคซีนโควิด-19 น้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.95 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 7.48 ไปปิดที่ 42.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัสของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.15 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 8.48 ไปปิดที่ 40.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากซาอุดี อาระเบียและผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น เปรยว่า อาจปรับลดการปล่อยน้ำมันสู่ตลาดลงอีก หากความต้องการน้ำมันลดลงในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากการระบาดที่เพิ่มขึ้น ก่อนจะมีวัคซีนพร้อมใช้เป็นวงกว้าง ความต้องการเชื้อเพลิงลดลง โดยเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วมากกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก จนหลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรป ต้องกลับมาใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้ง เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัส ขณะที่ข่าวเกี่ยวกับวัคซีน ได้ทำให้ผู้ค้ามีความหวังว่าการระบาดจะลดลงในปีหน้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และช่วยเพิ่มความต้องการเชื้อเพลิงอีกครั้ง ไฟเซอร์เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นวัคซีนทดลองของตนมีประสิทธิภาพมากกว่าร้อยละ 90 ในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งถือเป็นชัยชนะสำคัญในการต่อสู้กับโรคระบาดที่ทำให้ต้องใช้มาตรการปิดเมืองทั่วโลกไปก่อนหน้านี้.-สำนักข่าวไทย

บ.อินเดียเปิดตัวชุดตรวจโควิดผลิตเอง

นิวเดลี 9 พ.ย.- ทาทากรุ๊ป กลุ่มบริษัทข้ามชาติของอินเดียเปิดตัวชุดตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่อ้างว่า ใช้งานง่ายให้ผลเร็วกว่าวิธีมาตรฐานสากล แต่แม่นยำกว่าวิธีตรวจรวดเร็วที่นิยมใช้อยู่ ขณะที่ยอดผู้ป่วยในอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ (CEO) ของทาทาเมดิคัลแอนด์ไดแอกโนสติกส์ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า โรงงานของบริษัทในเมืองเจนไน รัฐทมิฬนาฑู ทางใต้ของประเทศจะเริ่มผลิตที่เดือนละ 1 ล้านชุด และสามารถเพิ่มกำลังผลิตอย่างรวดเร็ว ชุดตรวจนี้มีชื่อว่า ทาทาเอ็มดีเช็ค (TataMD CHECK) ให้ผลใน 90 นาที จะเริ่มจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาลและห้องทดลองปฏิบัติการทั่วประเทศตั้งแต่เดือนหน้า เบื้องต้นจะเน้นตลาดในประเทศก่อน ซีอีโอระบุด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ชุดตรวจขนาดใหญ่ราคาแพง ชุดตรวจแบบนี้จะช่วยให้คนเข้าถึงและตรวจหาเชื้อได้มากขึ้น ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) และระบบอัตโนมัติตรวจตัวอย่างที่เก็บจากโพรงจมูก กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอินเดียเคยแถลงในเดือนกันยายนว่า ชุดตรวจนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างทาทากับรัฐบาล ตรวจตัวอย่างจากโพรงจมูกได้ผลง่ายและรวดเร็วกว่าวิธีมาตรฐานสากลอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่แม่นยำว่าวิธีตรวจหาแอนติเจนเชื้อไวรัสโคโรนาที่รู้ผลใน 15 นาที ข้อมูลรัฐบาลอินเดียระบุว่า ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ป่วยใหม่ 45,903 คน ทำให้ยอดสะสมที่ 8.55 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 490 คน […]

ผู้นำทั่วโลกยินดีกับไบเดน

ปารีส 8 พ.ย.- ผู้นำหลายประเทศทั่วโลกแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งแบบคาดการณ์ เกิน 270 คะแนนก่อนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ทวีตแสดงความยินดี ขออวยพรจากก้นบึ้งของหัวใจให้โชคดีและประสบความสำเร็จ ไม่มีสิ่งใดทดแทนมิตรภาพข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ หากทั้งสองฝ่ายต้องการเอาชนะความท้าทายยิ่งใหญ่ในยุคนี้ ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศส แสดงความยินดีกับไบเดน และคามาลา แฮร์ริสว่า มีภารกิจมากมายที่ต้องทำร่วมกันเพื่อเอาชนะความท้าทายในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุสหรัฐเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดของอังกฤษ หวังว่าจะได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นที่ให้ความสำคัญร่วมกัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ กรีซ และอิรัก ยกย่องไบเดนว่า เป็นมิตรแท้ของประเทศ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ผู้สนิทสนมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกไบเดนว่ามิตรที่ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล ส่วนผู้นำทางฝั่งเอเชียอย่างประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ระบุว่าการที่สหรัฐมีผู้ออกมาใช้สิทธิมหาศาลสะท้อนถึงความหวังที่ฝากไว้กับประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่น แสดงความหวังเรื่องเสริมสร้างพันธมิตรสองประเทศเพื่อรับประกันสันติภาพ เสรีภาพ และความรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ […]

ชาวอินเดียยินดีกับว่าที่รอง ปธน.สหรัฐ

ชาวอินเดียยินดีที่นางคามาลา แฮร์ริส ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียจะได้เป็นรองประธานาธิบดีสตรีคนแรกของสหรัฐ โดยมองว่าความสำเร็จของเธอเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์และความภาคภูมิใจของอินเดีย

สื่อทั่วโลกยินดีกับไบเดน คาดทรัมป์ไม่ยอม

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้สนับสนุนจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ

1 558 559 560 561 562 587