ผู้นำนิวซีแลนด์ชี้ทั่วโลกต้องหารือปัญหาเหยียดเชื้อชาติ

เวลลิงตัน 15 มี.ค. – นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ระบุว่า ทั่วโลกยังคงจำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเหยียดเชื้อชาติและแนวคิดเชิดชูคนผิวขาว เนื่องในวันครบรอบ 2 ปีจากเหตุชายออสเตรเลียที่มีแนวคิดดังกล่าวโจมตีมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช นายเบรนตัน ทาร์แรนต์ ชาวออสเตรเลียวัย 30 ปีใช้อาวุธปืนอานุภาพสูงกราดยิงใส่ชาวมุสลิมที่มัสยิดในนิวซีแลนด์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 คน และผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบรายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 โดยที่เขาได้ประกาศอุดมการณ์เหยียดเชื้อชาติก่อนก่อเหตุกราดยิงที่ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก การก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวได้จุดประกายให้ทั่วโลกถกเถียงกันเรื่องภัยคุกคามของแนวคิดเชิดชูคนผิวขาว นางอาร์เดิร์นกล่าวในงานแถลงข่าววันนี้รำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว และผลพวงจากเหตุโจมตีมัสยิดทำให้นิวซีแลนด์ต้องแก้ปัญหาในประเทศเช่นกัน เธอคิดว่าไม่ยุติธรรมหากจะกล่าวว่าผู้ก่อการร้ายเป็นชาวออสเตรเลีย แล้วนิวซีแลนด์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ชาวมุสลิมในนิวซีแลนด์ต้องประสบพบเจอกับการเหยียดเชื้อชาติที่น่ากลัวมาก่อนเกิดเหตุโจมตีมัสยิด ดังนั้น ผู้นำทั่วโลกจึงมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นกระบอกเสียงเพื่อยับยั้งปัญหาเหยียดเชื้อชาติและแนวคิดเชิดชูคนผิวขาว นอกจากนี้ นางอาร์เดิร์นยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า เธอไม่อาจบอกได้ว่าตอนนี้นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับชาวมุสลิมเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน เพราะมีเพียงชาวมุสลิมในนิวซีแลนด์ที่จะบอกได้ แต่เธอระบุว่ายังมีงานที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ.-สำนักข่าวไทย  

พายุหิมะรุนแรงถล่มสหรัฐจนต้องปิดสนามบิน-ถนน

เดนเวอร์ 15 มี.ค. – พายุฤดูหนาวที่รุนแรงพัดถล่มพื้นที่บางส่วนในแถบเทือกเขาร็อกกีและที่ราบทางตะวันตกของสหรัฐ และทำให้มีหิมะตกหนักเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ในรัฐโคโลราโดต้องปิดทำการ ผู้ขับขี่รถยนต์ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ และทางหลวงสายสำคัญหลายแห่งถูกปิด สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐคาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่มีหิมะตกและพายุหิมะจะมีต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่นในพื้นที่บางส่วนของรัฐโคโลราโด โดยที่ในช่วงเย็นที่ผ่านมามีหิมะตกหนาถึง 1 เมตรในพื้นที่สูง ขณะที่เมืองไชแอนน์ของรัฐไวโอมิงมีหิมะตกหนาถึง 65.5 เซนติเมตรในช่วงเที่ยง ซึ่งทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่สอง ด้านกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของสหรัฐเร่งนำกำลังช่วยเหลือผู้ขับขี่รถยนต์ที่ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะจำนวนมาก และเรียกร้องให้ประชาชนงดออกจากบ้านในช่วงนี้ ในขณะเดียวกัน นายจาเร็ด โพลิส ผู้ว่าการรัฐโคโลราโดระบุในแถลงการณ์ว่า หน่วยงานของรัฐทั้งหมดในเมืองเดนเวอร์และเขตชานเมืองโดยรอบที่ไม่จำเป็นในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนจะปิดทำการในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานที่หนาแน่นอันดับห้าของสหรัฐเผยว่า จำเป็นต้องปิดรันเวย์ทั้งหมดที่มีอยู่ 6 ทางวิ่งเนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่ โดยที่ในช่วงกลางคืนมีหิมะตกหนาถึง 60 เซนติเมตร และจะปิดทำการจนกว่าสภาพอากาศจะดีขึ้น นอกจากนี้ พายุหิมะยังทำให้ชาวรัฐโคโลราโดกว่า 57,000 คนไม่มีไฟฟ้าใช้ในช่วงบ่ายก่อนลดลงเหลือราว 24,000 คนในช่วงเย็น.-สำนักข่าวไทย

เมียนมาประกาศกฎอัยการศึกใน 2 เขตของย่างกุ้ง

ย่างกุ้ง 15 มี.ค. – รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศกฎอัยการศึกในเขตไลง์ตายาและชเว-ปยีตา ซึ่งเป็น 2 เขตที่มีประชากรหนาแน่นของนครย่างกุ้ง หลังมีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน จากเหตุเจ้าหน้าที่เมียนมาใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่เมียนมาใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมื่อวานนี้ และทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมดราว 100 คนนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐปรหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยึดอำนาจการปกครองจากนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและกลุ่มสิทธิมนุษยชนเชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจมีมากกว่าที่รายงาน ด้านสถานีโทรทัศน์ของทางการเมียนมาประกาศว่า กองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตไลง์ตายาและชเว-ปยีตาของนครย่างกุ้งในช่วงค่ำวานนี้ ผู้ประกาศของสถานีโทรทัศน์กล่าวว่า รัฐบาลทหารเมียนมาให้อำนาจบริหารและอำนาจกฎอัยการศึกแก่ผู้บัญชาการภูมิภาคย่างกุ้ง เพื่อรักษาความปลอดภัย กฎหมาย และความสงบสุขอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ สองเขตดังกล่าวถือเป็นศูนย์กลางของโรงงานและเป็นที่ตั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายแห่ง เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในเขตไลง์ตายาปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงอย่างรุนแรง โดยผู้ประท้วงใช้กิ่งไม้และมีดป้องกันตัวเองในขณะที่กำลังวิ่งหนีไปหลบหลังสิ่งกีดขวางชั่วคราวบนท้องถนน นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังตัดถังขยะมาใช้เป็นโล่ป้องกันเพื่อไปช่วยเหลือผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บในขณะที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยเปิดฉากยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วง ด้านแพทย์หญิงชาวเมียนมากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า กลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บไม่ได้ทั้งหมด และยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว 15 คน ตอนนี้เธอกำลังรักษาผู้บาดเจ็บราว 50 คน และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน นางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของสหประชาชาติระบุในแถลงการณ์ว่า เธอได้ยินเรื่องราวน่าสะเทือนใจมากมายเกี่ยวกับการเข่นฆ่า การทารุณผู้ชุมนุม และการทรมานผู้ถูกคุมขังจากคนที่เธอรู้จักในเมียนมา […]

เผยทั่วโลกมีฝาแฝดเกิดมากเป็นประวัติการณ์

ผลการศึกษาเผยว่า ทั่วโลกมีฝาแฝดเกิดมากขึ้นราว 1 คู่ต่อเด็กทารก 40 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากวิทยาการช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์

เมืองใหญ่ของอินเดียกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง

มหาราษฏระ 12 มี.ค. – เมืองนาคปุระในรัฐมหาราษฏระทางตอนใต้ของอินเดียจะกลายเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกที่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ในขณะที่ยอดผู้ป่วยติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐมหาราษฏระตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองนาคปุระ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมเป็นต้นไป และจะขยายการใช้มาตรการดังกล่าวไปยังพื้นที่ในเขตเมืองอื่นที่มีพรมแดนติดกันด้วย รัฐมหาราษฏระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองนาคปุระ มักเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 มาตลอด โดยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้ป่วยรักษาตัวจำนวนมากที่สุดในอินเดีย แม้ว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศของอินเดียลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่มี 6 รัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐมหาราษฏระที่ยังคงมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในระดับสูง การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่อินเดียเพิ่งเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเดือนมกราคม และมีชาวอินเดียกว่า 20 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก ขณะที่ทางการรัฐมหาราษฏระจะยังคงฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในเมืองนาคปุระตามแผนการต่อไป แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ภาคธุรกิจและร้านค้าที่ไม่จำเป็นต้องปิดบริการ ยกเว้นสำนักงานและภาคอุตสาหกรรมของรัฐบาลเพียงร้อยละ 25 ที่เปิดทำการได้ ทั้งนี้ เมืองนาคปุระพบผู้ป่วยติดเชื้อรายวันกว่า 1,000 คนติดต่อกันเกือบ 2 สัปดาห์ และยังพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมากว่า 2,000 คน ขณะนี้ อินเดียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 11 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นอันดับที่สองของโลก รองจากสหรัฐ และมีผู้เสียชีวิตราว […]

อังกฤษเตือนพลเมืองให้เดินทางออกจากเมียนมา

ย่างกุ้ง 12 มี.ค. – อังกฤษประกาศแจ้งพลเมืองอังกฤษให้เดินทางออกจากเมียนมา หลังจากผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติเตือนว่ารัฐบาลทหารเมียนมามีแนวโน้มที่จะก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติเพื่ออยู่ในอำนาจต่อไป อังกฤษ ซึ่งเคยเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมของเมียนมา ประกาศแจ้งพลเมืองอังกฤษให้เดินทางออกจากเมียนมาหากสามารถทำได้ พร้อมทั้งเตือนว่า สถานการณ์ความไม่สงบและความตึงเครียดทางการเมืองกำลังแผ่ขยายลุกลามไปทั่วประเทศนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจและระดับของการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ดังนั้น กระทรวงต่างประเทศของอังกฤษแจ้งให้ชาวอังกฤษเดินทางออกจากเมียนมาโดยการใช้บริการเชิงพาณิชย์ ยกเว้นว่ามีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องอยู่ ประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายโทมัส แอนดรูวส์ ผู้จัดทำรายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนเมียนมาของสหประชาติได้ประเมินสถานการณ์ในเมียนมาว่าเข้าขั้นวิกฤต เขากล่าวกับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ว่า เมียนมาตกอยู่ภายใต้การปกครองที่ผิดกฎหมายและอันตราย ซึ่งอาจทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เขายังระบุด้วยว่า อาชญากรรมดังกล่าวอาจรวมถึงการฆาตกรรม การบังคับบุคคลให้สูญหาย การข่มเหง และการทรมานที่เกิดขึ้น โดยที่ผู้นำระดับสูง เช่น พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา มีส่วนรู้เห็นด้วย ทั้งนี้ เขาเน้นย้ำว่าความผิดดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในศาลยุติธรรมเท่านั้น เขาระบุด้วยว่า มีหลักฐานชัดเจนว่า การก่ออาชญากรรมของรัฐบาลทหารได้แผ่ขยายไปทั่วประเทศและเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธ์ที่สอดประสานกัน ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุเมื่อวานนี้ว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 9 รายในหลายพื้นที่ของเมียนมา ในจำนวนนี้ มีผู้ประท้วง 6 รายเสียชีวิตที่เมืองมไยง์ทางตอนกลางของเมียนมา โดยมี 5 รายถูกกระสุนยิงเข้าที่ศีรษะ ขณะที่สหประชาชาติรายงานว่ามีผู้ประท้วงชาวเมียนมาเสียชีวิตอย่างน้อย 70 รายนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

กรุงโตเกียวมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น

โตเกียว 12 มี.ค. – กรุงโตเกียวและพื้นที่โดยรอบมีสัญญาณว่า จำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะสามารถยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกำหนดในวันที่ 21 มีนาคมได้หรือไม่ รัฐบาลญี่ปุ่นขยายระยะเวลาใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและอีก 3 จังหวัดโดยรอบออกไปอีก 14 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากยอดผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ลดลงมากพอ และยังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่แพร่เชื้อได้รวดเร็ว นายโนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นกล่าวว่า การตัดสินใจยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งมีประชากรร้อยละ 30 ของประเทศหรือไม่นั้น จะเกิดขึ้นหลังจากได้รับคำแนะนำจากคณะผู้เชี่ยวชาญหรือระบบต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจะไม่กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกหากมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะเดียวกัน การใช้มาตรการเข้มงวดต่าง ๆ เช่น การจำกัดเวลาเปิดบริการร้านอาหารและบาร์ให้สั้นลง มีส่วนช่วยลดยอดผู้ป่วยติดเชื้อในกรุงโตเกียวลงได้ประมาณ 1 ใน 10 ของตัวเลขผู้ป่วยสูงสุดที่ 2,520 คนเมื่อในวันที่ 7 มกราคม อย่างไรก็ดี ยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่ลดลงก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวตั้งไว้ว่า จะลดอัตราผู้ป่วยติดเชื้อในรอบ 7 วันให้ได้ร้อยละ 70 โดยเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า […]

“ไบเดน” จะให้ผู้ใหญ่มีสิทธิฉีดวัคซีนโควิดภายใน 1 พ.ค.

วอชิงตัน 12 มี.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐจะสั่งให้รัฐต่าง ๆ กำหนดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนได้มีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันระมัดระวังตัวเองเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังลงนามเริ่มบังคับใช้ร่างกฎหมายเยียวยาโควิด 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (58.2 ล้านล้านบาท) ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวปราศรัยผ่านโทรทัศน์จากทำเนียบขาวเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า เขากำลังหาทางเร่งฉีดวัคซีนโควิดเพื่อให้ชาวอเมริกันเกิดความรู้สึกถึงการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติภายในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ ทั้งนี้ เขาได้สั่งให้ทางการรัฐ และเขตปกครองต่าง ๆ กำหนดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนมีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม และจะสั่งให้กองทหารสหรัฐเข้ามาช่วยเหลือในโครงการฉีดวัคซีน เพื่อให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ภายในวันชาติสหรัฐ ซึ่งเป็นวันหยุดที่ชาวอเมริกันต่างพากันออกมาเฉลิมฉลองในพื้นที่กลางแจ้ง รับประทานฮอทด็อก และชมดอกไม้ไฟ นอกจากนี้  ประธานาธิบดีไบเดนยังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันช่วยกันควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 โดยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และรักษาสุขอนามัยที่ดี ในขณะที่มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น และมีหลายรัฐที่ประกาศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ แล้ว.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลทหารเมียนมาระบุ “ซูจี” รับเงินผิดกฎหมาย

โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาระบุว่า นางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจ รับเงินผิดกฎหมายมูลค่า 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ (18.3 ล้านบาท) และทองอีกจำนวนหนึ่งในขณะที่ดำรงตำแหน่ง โดยที่ข้อมูลต่าง ๆ มีการตรวจสอบความถูกต้องและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สหรัฐ-จีนจะจัดประชุมร่วมกันครั้งแรกภายใต้รัฐบาล “ไบเดน”

วอชิงตัน 11 มี.ค. – นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐจะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนที่รัฐอะแลสกาในวันที่ 18 มีนาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงแบบตัวต่อตัวของทั้งสองฝ่ายภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ การประชุมของสหรัฐกับจีนจะมีขึ้นหลังจากที่นายบลิงเคนกลับมาจากการเดินทางเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ครั้งแรก และอยู่ในช่วงที่สหรัฐกำลังเดินหน้าผลักดันนโยบายการทูตครั้งสำคัญในการสร้างพันธมิตรในทวีปเอเชียและยุโรปเพื่อคานอำนาจจีน นางเจน ซากี โฆษกทำเนียขาวกล่าวว่า นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐจะเข้าร่วมการประชุมที่เมืองแองเคอเรจในรัฐอะแลสการ่วมกับนายหยาง เจียประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์กลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีน ทั้งยังระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะสานสัมพันธ์กับจีนไปพร้อม ๆ กับชาติพันธมิตรอื่น ๆ และการประชุมในครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันมาอย่างยาวนาน ในขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนได้ออกมายืนยันการประชุมดังกล่าว และหวังว่าสหรัฐจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายกลับไปแข็งแกร่งและมั่นคง มองความสัมพันธ์อย่างเป็นกลางและมีเหตุผล ปล่อยวางความคิดเรื่องสงครามเย็นและผลประโยชน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้ความเคารพต่ออำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ของจีน นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้สหรัฐหยุดแทรกแซงกิจการภายในของจีนและแก้ปัญหาความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ชาวฮ่องกงฉีดวัคซีนจีนน้อยลงหลังมีรายงานผลข้างเคียง

ฮ่องกง 11 มี.ค. – ชาวฮ่องกงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของซิโนแวกน้อยลงหลังมีรายงานเรื่องอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว และหันไปฉีดวัคซีนของไฟเซอร์มากกว่า สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวานนี้ ชาวฮ่องกงที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวกตามนัดหมายที่ศูนย์บริการฉีดวัคซีนมีอัตราเหลือเพียงร้อยละ 72 ซึ่งลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีสูงกว่าร้อยละ 90 อีกทั้งยังมีชาวฮ่องกงกว่า 1 ใน 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเมื่อวันอังคาร แต่กลับไม่ยอมมาฉีดวัคซีนตามนัด อย่างไรก็ดี กลับมีชาวฮ่องกงสูงถึงร้อยละ 91 เข้ารับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ที่นำเข้ามาโดยบริษัทโฟซัน ฟาร์มาซูติคัล กรุ๊ป ที่ตั้งอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ของจีนในวันแรกของการฉีดวัคซีนดังกล่าว ทั้งนี้ ชาวฮ่องกงไม่ยอมมาฉีดวัคซีนของซิโนแวกตามนัดหมายหลังทางการฮ่องกงรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีอาการป่วยหนัก 3 คนจากการฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปกว่า 130,000 คน แม้ทางการยังไม่พบความเชื่อมโยงของเหตุดังกล่าวกับวัคซีนซิโนแวก แต่ชาวฮ่องกงก็รู้สึกลังเลมากขึ้นที่จะฉีดวัคซีน ฮ่องกงเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยฉีดให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ฮ่องกงยังได้ขยายการฉีดวัคซีนไปยังกลุ่มอื่น ๆ […]

1 270 271 272 273 274 315