อังกฤษว่าตาลีบันแตกต่างไปจากเดิม
กองทัพอังกฤษระบุวันนี้ว่า ทั่วโลกควรเปิดโอกาสให้กลุ่มตาลีบันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในอัฟกานิสถาน และอาจพบว่าพวกเขากลายเป็นผู้ที่ใช้เหตุผลมากขึ้น
กองทัพอังกฤษระบุวันนี้ว่า ทั่วโลกควรเปิดโอกาสให้กลุ่มตาลีบันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในอัฟกานิสถาน และอาจพบว่าพวกเขากลายเป็นผู้ที่ใช้เหตุผลมากขึ้น
เจ้าหน้าที่ของกลุ่มตาลีบันระบุวันนี้ว่า แกนนำกลุ่มตาลีบันจะเปิดเผยตัวต่อคนทั้งโลก และจะไม่ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนอยู่ในเงามืดเหมือนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาอีกต่อไป
สหรัฐมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวันทะลุ 1,000 รายเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือคิดเป็นชั่วโมงละ 42 ราย ขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ของสหรัฐที่มีอัตราฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดอยู่ในระดับต่ำ
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาระบุว่า รัฐบาลแคนาดายังไม่มีแผนที่จะยอมรับกลุ่มตาลีบันเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมของอัฟกานิสถาน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ มีคะแนนนิยมเหลือเพียงร้อยละ 46 ในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนอเมริกันล่าสุด ลดลงจากร้อยละ 53 ในการสำรวจครั้งก่อน และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ
คาบูล 17 ส.ค. – กลุ่มตาลีบันแถลงอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยึดกรุงคาบูลว่า พวกเขาต้องการความสัมพันธ์ที่สงบสุขกับประเทศอื่น ๆ และจะเคารพสิทธิสตรีภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม โฆษกของกลุ่มตาลีบันกล่าวว่า พวกเขาไม่ต้องการศัตรูทั้งในและนอกประเทศ สตรีในอัฟกานิสถานจะได้รับอนุญาตให้ทำงาน เข้าเรียน รวมถึงการเคลื่อนไหวในสังคม แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม กลุ่มตาลีบันระบุว่า นายอับดุล กานี บาราดาร์ หนึ่งในแกนนำและผู้ก่อตั้งกลุ่มตาลีบัน ได้เดินทางกลับมายังอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้ นายบาราดาร์ถูกจับกุมในปี 2553 แต่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในปี 2561 ตามคำขอของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เพื่อให้เขามีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ ทั้งนี้ ในช่วงที่กลุ่มตาลีบันปกครองอัฟกานิสถานในปี 2539-2544 พวกเขาได้นำกฎหมายชารีอะห์ของอิสลามมาใช้ ทำให้สตรีไม่มีสิทธิทำงาน และเด็กผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโรงเรียน นอกจากนี้ สตรีในอัฟกานิสถานยังต้องสวมผ้าคลุมแบบอิสลามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโดยเว้นเพียงดวงตาเมื่ออยู่นอกบ้าน และจะออกข้างนอกได้ก็ต่อเมื่อมีญาติผู้ชายอยู่ด้วยเท่านั้น ในขณะเดียวกัน สหรัฐและชาติตะวันตกเริ่มกลับมาเปิดเที่ยวบินอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและพลเรือนอีกครั้งเมื่อวานนี้ หลังเกิดเหตุชุลมุนที่สนามบินคาบูลเมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐเผยว่า เที่ยวบินของกองทัพสหรัฐอพยพชาวอเมริกันออกจากกรุงคาบูลได้ราว 1,100 คนเมื่อวานนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษระบุว่า พวกเขาตกลงที่จะจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี […]
รัฐบาลเยอรมนีเผยวันนี้ว่า เที่ยวบินแรกของกองทัพเยอรมนีที่ลงจอดในสนามบินคาบูลนับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูล สามารถอพยพผู้คนมาได้เพียงแค่ 7 คน เนื่องจากเกิดเหตุชุลมุนขึ้นที่สนามบินดังกล่าว
อังกฤษเตือนกลุ่มตาลีบันว่า จะต้องไม่มีการใช้อัฟกานิสถานเป็นฐานในการโจมตีก่อการร้าย และระบุว่าชาติตะวันตกต้องพยายามเข้าไปมีอิทธิพลในทางบวกกับกลุ่มตาลีบันที่เข้ายึดอำนาจการบริหารประเทศหลังจากสหรัฐถอนกำลังทหารออกไป
เวลลิงตัน 17 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดทั่วประเทศหลังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 1 คนในเมืองออคแลนด์ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในประเทศในรอบ 6 เดือน นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นกล่าวในงานแถลงข่าวว่า แนวทางที่ดีที่สุดในการยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วก็คือการใช้มาตรการเข้มงวด รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำดีกว่าที่จะใช้มาตรการที่เบาจนไม่อาจควบคุมการระบาดและทำให้เชื้อโควิดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ของนิวซีแลนด์สันนิษฐานว่าผู้ป่วยโรคโควิดรายใหม่ของวันนี้อาจติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด และอาจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีก คำสั่งของนายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นจะทำให้นิวซีแลนด์ต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ขณะที่เมืองออคแลนด์และเมืองโคโรแมนเดล ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งและเป็นเมืองที่ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มีประวัติเดินทางไปมา จะถูกสั่งล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน นอกจากนี้ มาตรการล็อกดาวน์ระดับสี่ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จะทำให้โรงเรียน สำนักงาน และภาคธุรกิจทั้งหมดในนิวซีแลนด์ต้องปิดทำการ โดยอนุญาตให้มีเพียงธุรกิจบริการที่จำเป็นเปิดบริการได้ ขณะนี้ นิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 2,500 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คน.-สำนักข่าวไทย
เที่ยวบินของกองทัพที่ช่วยอพยพเจ้าหน้าที่การทูตและพลเรือนออกจากอัฟกานิสถานกลับมาทำการบินได้ตามปกติอีกครั้งในช่วงเช้ามืดวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้สลายฝูงชนหลายพันคนที่มารวมตัวกันบนลานบินเพื่อหนีออกนอกประเทศอย่างสิ้นหวังหลังกลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูลได้แล้ว
เบอร์มิงแฮม 17 ส.ค. – มาลาลา ยูซาฟไซ เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ระบุว่า เธอรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะความปลอดภัยของสตรีและเด็กผู้หญิง พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำระดับโลกเร่งดำเนินการโดยด่วนเพื่อแก้สถานการณ์ดังกล่าว ยูซาฟไซ ชาวปากีสถานวัย 23 ปี กล่าวกับรายข่าวบีบีซี นิวส์ไนต์ ของบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ มีหลายสิ่งที่ต้องทำ และต้องดำเนินการอย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องชาวอัฟกัน ขณะที่เธอกำลังพยายามติดต่อผู้นำระดับโลกหลายคนเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากสถานการณ์ในอัฟกานิสถานเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เร่งด่วนในตอนนี้ ซึ่งต้องได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุน ยูซาฟไซระบุเพิ่มเติมว่า เธอรู้สึกวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะความปลอดภัยของสตรีและเด็กผู้หญิง เธอได้พูดคุยกับนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งในอัฟกานิสถาน เช่น นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี พวกเขาเล่าว่ากำลังวิตกกังวลเรื่องความไม่แน่ใจว่าชีวิตในอนาคตจะเป็นเช่นไร ยูซาฟไซยังกล่าวว่า เธอได้ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ของปากีสถานเพื่อขอให้เขารับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันเข้าประเทศ และสร้างความมั่นใจว่าผู้ลี้ภัยทุกคนที่เป็นเด็กจะต้องได้รับการศึกษา ความปลอดภัย และการปกป้องเพื่อให้พวกเขามีอนาคตที่ดี ก่อนหน้านี้ ยูซาฟไซรอดชีวิตจากการถูกมือปืนชาวปากีสถานของกลุ่มตาลีบันยิงศีรษะในปี 2555 หลังจากที่เธอตกเป็นเป้าโจมตีจากโครงการต่อต้านคำสั่งห้ามผู้หญิงเข้ารับการศึกษา นอกจากนี้ เธอยังกลายเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่อายุ 11 ปีในฐานะนักเขียนที่ใช้นามแฝงให้กับบีบีซี โดยเขียนบล็อกเล่าเรื่องการใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลีบันในปากีสถาน ทั้งนี้ ยูซาฟไซได้ย้ายไปอังกฤษเพื่อเข้ารับการรักษาหลังถูกยิงที่ศีรษะ และเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาปรัชญา […]
ลอนดอน 17 ส.ค. – วารสารการแพทย์แลนเซตด้านโรคติดเชื้อ เผยแพร่ผลวิจัยที่ระบุว่า ความเสี่ยงจากอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีกจะเพิ่มสูงขึ้นหลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของซิโนแวกเข็มแรก ผลวิจัยดังกล่าวได้เก็บข้อมูลจากผู้เข้าร่วมการทดสอบกว่า 451,000 คน และพบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทางคลินิก 28 คนที่มีอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีกหลังฉีดวัคซีนของซิโนแวก ซึ่งเป็นตัวเลขสูงกว่าผู้ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ที่มีอาการดังกล่าวเพียง 16 คน ผลวิจัยดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงโดยรวมของอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีกที่เพิ่มสูงขึ้นหลังฉีดวัคซีนของซิโนแวก อย่างไรก็ดี ผลวิจัยระบุว่า วัคซีนของซิโนแวก ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่าความเสี่ยงจากอาการข้างเคียง ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวได้รับการจัดทำขึ้นในฮ่องกงและประเมินความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนภายใน 42 วัน ขณะนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สยังไม่สามารถติดต่อซิโนแวกเพื่อขอความเห็นจากเรื่องดังกล่าวได้ในทันที.-สำนักข่าวไทย