‘ไบเดน’ โทษผู้นำ-ทหารอัฟกันไม่เต็มใจสู้ตาลีบัน

วอชิงตัน 17 ส.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐระบุว่า เขายังคงยืนยันอย่างหนักแน่นเรื่องการตัดสินใจถอนกองกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน พร้อมกับกล่าวโทษผู้นำการเมืองและความไม่เต็มใจสู้ของกองทัพอัฟกานิสถานว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มตาลีบันยึดอำนาจได้สำเร็จ ประธานาธิบดีไบเดนออกมาแถลงที่ทำเนียบขาวผ่านโทรทัศน์เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นนับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันประกาศยึดการปกครองอัฟกานิสถานว่า เขาโทษผู้นำการเมืองที่หลบหนีออกนอกประเทศและความไม่เต็มใจต่อสู้ของกองทัพอัฟกานิสถานที่ได้รับการฝึกโดยสหรัฐว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มตาลีบันยึดอำนาจการปกครองประเทศ เขายังเตือนผู้นำกลุ่มตาลีบันว่า จะต้องเผชิญกับพลังการทำลายล้างรุนแรง หากกลุ่มตาลีบันเข้าไปแทรกแซงการถอนกำลังทหารของสหรัฐ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาสนับสนุนการตัดสินใจถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานอย่างหนักแน่น หลังจากที่เขาเรียนรู้ว่าไม่เคยมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการถอนกำลังทหารสหรัฐตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังระบุว่า เขาได้เห็นภาพเหตุการณ์โกลาหลบางส่วนในกรุงคาบูลที่น่าสะเทือนใจ แต่ไม่ได้เริ่มสั่งอพยพผู้คนให้เร็วกว่านี้ เพราะประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถานไม่ต้องการให้มีการอพยพเป็นจำนวนมาก ประธานาธิบดีไบเดนยังกล่าวยอมรับว่า กลุ่มตาลีบันได้บุกยึดพื้นที่ของอัฟกานิสถานรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ การรุกคืบอย่างว่องไวของกลุ่มตาลีบันทำให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐประหลาดใจ เพราะคาดว่ากองทัพของอัฟกานิสถานจะขับไล่กลุ่มตาลีบันหรือยับยั้งพวกเขาไว้ได้เป็นเวลาหลายเดือน ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวทิ้งท้ายว่า การตัดสินใจถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานเป็นผลมาจากที่เขาได้ให้คำมั่นกับกองทหารสหรัฐว่า จะไม่ขอให้ทหารสหรัฐเสี่ยงชีวิตต่อไปเพื่อสงครามที่ควรจะจบสิ้นมาตั้งนานแล้ว เขารู้ดีกว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เขาขอน้อมรับทั้งหมดไว้เองดีกว่าที่จะส่งต่อการตัดสินใจนี้ให้ประธานาธิบดีคนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

จีนเผยพร้อมกระชับสัมพันธ์ฉันมิตรกับตาลีบัน

ปักกิ่ง 16 ส.ค. – จีนระบุวันนี้ว่า พร้อมกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือกับอัฟกานิสถาน หลังกลุ่มตาลีบันได้ยึดอำนาจการปกครองอัฟกานิสถานแล้ว สำนักข่าว NDTV ของอินเดีย รายงานอ้างโฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศจีนที่ระบุว่า กลุ่มตาลีบันได้แสดงความหวังหลายครั้งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับจีน และต้องการให้จีนมีส่วนร่วมในการบูรณะและพัฒนาอัฟกานิสถาน จีนรู้สึกยินดีกับแนวทางดังกล่าว และเคารพสิทธิของประชาชนอัฟกันในการกำหนดชีวิตของตนได้อย่างอิสระ โดยที่จีนเต็มใจที่จะร่วมพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือกับอัฟกานิสถานต่อไป โฆษกหญิงคนดังกล่าวยังเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบันสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถถ่ายโอนอำนาจได้อย่างราบรื่น และรักษาคำมั่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลอิสลามที่เปิดกว้างและครอบคลุม รวมทั้งรับรองความปลอดภัยของชาวอัฟกันและพลเมืองต่างชาติ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า สถานทูตจีนประจำอัฟกานิสถานในกรุงคาบูล ยังคงเปิดทำการตามปกติ แม้รัฐบาลจีนได้สั่งอพยพพลเมืองจีนออกจากอัฟกานิสถาน เมื่อหลายเดือนก่อน ท่ามกลางสถานการณ์ความปลอดภัยที่เลวร้ายลง ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนเคยหวั่นเกรงว่า อัฟกานิสถานอาจกลายเป็นจุดรวมพลสำหรับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ ที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน อย่างไรก็ดี ตัวแทนระดับสูงของกลุ่มตาลีบันได้พบปะกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ที่เมืองเทียนจิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อเดือนก่อน และให้คำมั่นว่า อัฟกานิสถานจะไม่ถูกใช้เป็นฐานทัพของกองกำลังติดอาวุธ ทำให้จีนยื่นมือสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและการลงทุนเพื่อฟื้นฟูอัฟกานิสถาน. -สำนักข่าวไทย

ภูเขาไฟเมอราปีในอินโดนีเซียปะทุพ่นเถ้าถ่าน-ลาวา

จาการ์ตา 16 ส.ค. – ภูเขาไฟเมอราปีที่ยังคุกรุ่นในจังหวัดชวากลางของอินโดนีเซียได้ปะทุพ่นเถ้าถ่านลอยสูงขึ้นไปในอากาศและปล่อยลาวาสีแดงฉานไหลออกมาจากปากปล่อง สำนักงานธรณีวิทยาของอินโดนีเซีย รายงานวันนี้ว่า ภูเขาไฟเมอราปี ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่คุกรุ่นมากที่สุดของอินโดนีเซีย ได้ปะทุพ่นเถ้าถ่านขึ้นไปในอากาศเป็นระยะทางยาว 3.5 กิโลเมตร เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น และทำให้มีกลุ่มควันสีเทาปกคลุมไปทั่วชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง ขณะนี้ทางการท้องถิ่นยังไม่ได้สั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ดี สำนักงานธรณีวิทยาของอินโดนีเซีย ได้แจ้งให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าไปภายในพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรของภูเขาไฟเมอราปี รวมถึงคำเตือนเกี่ยวกับการไหลของลาวาที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รอบภูเขาไฟดังกล่าว ภูเขาไฟเมอราปี ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองยกยาการ์ตา ซึ่งมีความสำคัญด้านวัฒนธรรม และตั้งอยู่บนเกาะชวาของอินโดนีเซีย และเป็นภูเขาไฟที่คุกรุ่นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จนเจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียต้องเพิ่มระดับเตือนภัยเมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ ภูเขาไฟเมอราปีเคยระเบิดรุนแรงครั้งล่าสุดในปี 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 ราย และทางการต้องสั่งอพยพประชาชนราว 280,000 คน ออกจากพื้นที่โดยรอบ ขณะนี้อินโดนีเซียมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่เกือบ 130 แห่ง. -สำนักข่าวไทย

เครื่องบินทหารอัฟกันตกในอุซเบกิสถานที่อยู่ติดกัน

ทาชเคนต์ 16 ส.ค.- เว็บไซต์ข่าวในอุซเบกิสถานรายงานว่า เครื่องบินทหารอัฟกันลำหนึ่งตกในพื้นที่ทางใต้สุดของอุซเบกิสถานที่ติดกับอัฟกานิสถาน เว็บไซต์ข่าว Gazeta.uz อ้างแหล่งข่าวและภาพที่ส่งต่อกันในแอปพลิเคชันสนทนาว่า เครื่องบินทหารอัฟกันตกในภูมิภาคซูร์คอนดาร์โย ทางใต้สุดของอุซเบกิสถานที่มีพรมแดนติดกับอัฟกานิสถาน พร้อมกับเผยแพร่ภาพถ่ายคณะเจ้าหน้าที่แพทย์กำลังดูแลชายคนหนึ่งที่สวมเครื่องแบบทหารอากาศ แหล่งข่าวเชื่อว่า ทหารอัฟกันอย่างน้อย 2 คนที่อยู่บนเครื่องบินลำนี้เช่นเดียวกันถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองเอกของภูมิภาคแล้ว ด้านสำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียอ้างกระทรวงกลาโหมอุซเบกิสถานว่า กำลังตรวจสอบรายงานเรื่องนี้อยู่ ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มตาลีบันบุกยึดกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานได้เมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่อุซเบกิสถานแจ้งในวันอาทิตย์ว่า ควบคุมตัวทหารอัฟกัน 84 นายที่ข้ามพรมแดนมาขอความช่วยเหลือทางการแพทย์.-สำนักข่าวไทย

ฮ่องกงย้ายไทยและอีก 14 จุดหมายเป็นเสี่ยงโควิดสูง

ฮ่องกง 16 ส.ค.- ทางการฮ่องกงจะปรับย้าย 15 จุดหมายในต่างประเทศ รวมทั้งไทย ไว้ในรายชื่อมีความ “เสี่ยงสูง “ เรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ผู้เดินทางมาจากจุดหมายเหล่านี้ต้องกักตัว 21 วันเมื่อเข้าฮ่องกง รัฐบาลฮ่องกงออกแถลงการณ์วันนี้ว่า จะปรับย้าย 15 จุดหมายในต่างประเทศ จากรายชื่อ “เสี่ยงปานกลาง” เป็น “เสี่ยงสูง” ภายในวันที่ 20 สิงหาคม ประกอบด้วย บังกลาเทศ กัมพูชา ฝรั่งเศส กรีซ อิหร่าน มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ สเปน ศรีลังกา สวิตเซอร์แลนด์ แทนซาเนีย ไทย ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐ ทุกคนที่เดินทางมาจากจุดหมายเหล่านี้จะต้องกักตัวในโรงแรมที่ทางการกำหนดเป็นเวลา 21 วัน รวมถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ถูกฮ่องกงจัดไว้ในรายชื่อ “เสี่ยงสูง” อยู่แล้ว เช่น บราซิล อินเดีย สหราชอาณาจักร […]

เผยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 รายขณะเบียดกันที่สนามบินคาบูล

คาบูล 16 ส.ค. – สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างคำพูดของผู้เห็นเหตุการณ์ที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 รายที่ท่าอากาศยานคาบูลในอัฟกานิสถาน ในขณะที่ชาวอัฟกันหลายร้อยคนพยายามเบียดกันขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางออกจากกรุงคาบูล ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เขาเห็นเจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิต 5 รายขึ้นรถ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายระบุว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เสียชีวิตถูกยิงหรือถูกเบียดจนเสียชีวิตจากเหตุโกลาหล ขณะนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐเผยว่า กองทัพสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าอากาศยานคาบูล ได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสลายฝูงชน ในขณะที่เที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดถูกยกเลิกที่ท่าอากาศยานคาบูล เพราะชาวอัฟกันจำนวนมากไปแออัดกันที่ทางขึ้นลงของเครื่องบิน หวังขึ้นเครื่องบินลำใดก็ได้เพื่อเดินทางออกนอกประเทศ หลังกลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูลเมื่อวันอาทิตย์ ผู้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่เผยนามกล่าวว่า เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เนื่องจากได้ยินเสียงยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด ขณะที่ภาพถ่ายที่โพสต์บนสื่อโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นเหตุโกลาหลบนลานบิน โดยมีพลเมืองอัฟกันจำนวนมากปีนขึ้นไปบนสะพานเทียบเครื่องบินที่มีผู้คนยืนอยู่แน่นขนัด อย่างไรก็ดี กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐระบุว่า กองทัพสหรัฐได้เข้าไปรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานคาบูล ในขณะที่กำลังอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐประจำอัฟกานิสถานและชาวอัฟกันจำนวนมากที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลสหรัฐนับตั้งแต่สหรัฐโค่นล้มกลุ่มตาลีบันหลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544.-สำนักข่าวไทย

ตั้งนายกฯ มาเลเซียรักษาการหลังลาออก

กัวลาลัมเปอร์ 16 ส.ค.- สำนักพระราชวังมาเลเซียแถลงว่า สมเด็จพระราชาธิบดีทรงแต่งตั้งนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี หลังจากกราบทูลถวายหนังสือลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปในช่วงเช้า และทรงเห็นว่ายังไม่เหมาะสมที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ในเวลานี้ เว็บไซต์สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานอ้างแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังว่า สมเด็จพระราชาธิบดีทรงรับหนังสือลาออกของนายมูห์ยิดดินและคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยให้มีผลในวันนี้ และทรงแต่งตั้งให้นายมูห์ยิดดินทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทรงขอบพระทัยนายมูห์ยิดดินและคณะรัฐมนตรีที่ทุ่มเทให้แก่การบริหารประเทศและรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พร้อมกับทรงขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ภาวนาให้ประเทศปลอดภัยและสามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้ ส่วนเรื่องจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่นั้น ทรงเห็นว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด หากพิจารณาถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน สุดท้ายทรงหวังว่า วิกฤตการเมืองในขณะนี้จะยุติลงได้เพื่อประโยชน์ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศที่ถูกคุกคามจากโรคโควิด-19 นายมูห์ยิดดินวัย 74 ปี ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชาธิบดีให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 และขึ้นดำรงตำแหน่งในวันถัดมา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ลาออกกะทันหัน เขาแถลงทางโทรทัศน์ในวันนี้ ขออภัยประชาชนที่ทำความผิดพลาดในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาไม่ได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรีจึงตัดสินใจลาออกทั้งคณะ สาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถประคองรัฐบาลผสมเปอริกาตันนาซิออนนัลเอาไว้ได้ เกิดจากการกระทำของบางพรรคการเมืองที่กระหายในอำนาจ อย่างไรก็ดี หวังว่านโยบายดี ๆ ของรัฐบาลเขาจะได้รับการสานต่อ และขอขอบคุณบุคลากรแนวหน้าที่อุทิศตนให้แก่การต่อสู้กับโรคโควิด-19 เขาคาดหวังในแง่ดีว่า มาเลเซียจะผ่านพ้นการระบาดได้ในเร็ว ๆ นี้.-สำนักข่าวไทย

คาดญี่ปุ่นขยายสถานการณ์ฉุกเฉินถึงกลางเดือนหน้า

โตเกียว 16 ส.ค. – สื่อญี่ปุ่นรายงานวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะขยายการใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นมาตรการล็อกดาวน์แบบยืดหยุ่นในหลายภูมิภาค เช่น กรุงโตเกียว ไปจนถึงกลางเดือนกันยายน และจะใช้มาตรการดังกล่าวเพิ่มในบางภูมิภาคอีกด้วย หนังสือพิมพ์ซันเกอิ ชิมบุน ของญี่ปุ่น รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะขยายการใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นมาตรการล็อกดาวน์แบบยืดหยุ่นออกไปจนถึงช่วงกลางเดือนกันยายน ขณะนี้ประกาศดังกล่าวมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม แต่ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในญี่ปุ่นทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้ขยายการใช้มาตรการดังกล่าวต่อไป ในขณะเดียวกัน บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานว่า คณะกรรมการ 4 ฝ่ายของโตเกียวพาราลิมปิกที่มีกำหนดเปิดฉากในวันที่ 24 สิงหาคมจะประชุมร่วมกันในวันนี้ เพื่อตัดสินใจเรื่องผู้ชมในสนามกีฬา ขณะที่สื่อหลายแห่งรายงานว่า คณะผู้จัดการแข่งขันมีมติเห็นชอบเมื่อสัปดาห์ก่อนให้จำกัดจำนวนผู้ชมในสนามกีฬา เนื่องจากกรุงโตเกียวยังคงอยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกก็ไม่อนุญาตให้มีผู้เข้าชมในสนามส่วนใหญ่ แม้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้วหลายครั้ง แต่ประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าวก็ถูกจำกัด เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลทำได้เพียงขอความร่วมมือจากประชาชน นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าความเหนื่อยล้าจากการรับมือกับโรคโควิด-19 และการเดินทางพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนมีส่วนทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศพุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ญี่ปุ่นฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ประชาชนได้เพียงร้อยละ 36 จากประชากรทั้งหมด 126 ล้านคน ส่วนทางการกรุงโตเกียวรายงานเมื่อวานนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 4,295 คน ทำให้ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.12 ล้านคน และผู้เสียชีวิตราว […]

เตือนสหรัฐอาจกลับมาติดโควิดอีกวันละกว่า 2 แสนคน

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจกลับมามีผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เกินวันละ 200,000 คนอีกครั้ง เพราะไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่รวดเร็วมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ครม.มาเลเซียลาออกทั้งคณะแล้ว

กัวลาลัมเปอร์ 16 ส.ค.- นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์มาเลเซียแจ้งวันนี้ว่า คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ได้กราบทูลถวายหนังสือลาออกต่อสมเด็จพระราชาธิบดีแล้ว นายไครีโพสต์เรื่องนี้ลงอินสตาแกรม หลังจากนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดินประชุมคณะรัฐมนตรีวาระพิเศษในช่วงเช้า ก่อนไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดี ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเขาจะลาออกหลังจากเกิดความโกลาหลทางการเมืองมาหลายเดือน จนทำให้เสียเสียงข้างมากในรัฐสภา ขณะที่เงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่าลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียร่วงลง ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ใครจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เนื่องจากไม่มีนักการเมืองคนใดกุมเสียงข้างมากในสภา และอาจเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีที่ทรงมีพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการเลือกนายกรัฐมนตรีจากสมาชิกสภาที่ทรงเห็นว่าจะสามารถกุมเสียงข้างมาก การลาออกของนายมูห์ยิดดินวัย 74 ปี อาจทำให้พรรคอัมโนที่เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดของมาเลเซียได้กลับมาตั้งรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากถูกโค่นในการเลือกตั้งปี 2561 เพราะเสียงครหาเรื่องทุจริตรับสินบน ตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือรักษาการนายกรัฐมนตรีได้แก่ รองนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ วัย 61 ปี และเต็งกู ราซาลีห์ ฮัมซาห์ นักการเมืองลายครามวัย 84 ปี ทั้งคู่เป็นสมาชิกพรรคอัมโน.-สำนักข่าวไทย

เขียว สัมพัน แกนนำเขมรแดงที่เหลืออยู่คนเดียวขึ้นศาลอุทธรณ์

นายเขียว สัมพัน อดีตประมุขแห่งรัฐของเขมรแดง ซึ่งเป็นแกนนำคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ขึ้นศาลวันนี้ เพื่ออุทธรณ์ที่ถูกศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตัดสินว่ามีความผิดข้อหาฆ่าล้างเผ่าพัน

1 207 208 209 210 211 315