ฮ่องกงห้ามเที่ยวบินจากกว่า 150 ประเทศแวะพัก สกัดโควิด

ฮ่องกงจะไม่อนุญาตให้เที่ยวบินจากกว่า 150 ประเทศและดินแดนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโรคโควิด-19 สูง เดินทางมาแวะพักเครื่องที่ฮ่องกง เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดที่ทำให้ฮ่องกงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น

ออสเตรเลียสั่งถอนวีซ่า “โนวัค ยอโควิช” เป็นครั้งที่สอง

เมลเบิร์น 14 ม.ค. – ออสเตรเลียสั่งเพิกถอนวีซ่าเดินทางเข้าประเทศของโนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกจากเซอร์เบีย เป็นครั้งที่สองติดต่อกันจากกรณีที่เขาได้รับสิทธิทางการแพทย์ยกเว้นฉีดวัคซีนโควิด ทั้งที่ออสเตรเลียกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องฉีดวัคซีนโควิดก่อนเดินทางเข้าประเทศ นายอเล็กซ์ ฮอว์ก รัฐมนตรีกำกับดูแลด้านตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลีย ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า เขาตัดสินใจใช้คำสั่งเพิกถอนวีซ่าเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียของยอโควิช วัย 35 ปี เพื่อรักษาข้อกำหนดด้านสุขภาพและระเบียบบังคับต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของสาธารณชนเป็นที่ตั้ง ขณะที่บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวทำให้ยอโควิชต้องเผชิญกับการถูกส่งตัวออกนอกประเทศอีกครั้ง และอาจถูกลงโทษไม่ให้ขอวีซ่าเดินทางเข้าออสเตรเลียเป็นเวลานานถึง 3 ปี อย่างไรก็ดี ยอโควิชยังคงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคัดค้านคำสั่งเพิกถอนวีซ่าได้อีกครั้งเพื่อให้ได้รับอนุญาตอยู่ในออสเตรเลียต่อไปได้ ทั้งนี้ ยอโควิชยังคงมีชื่อเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันจันทร์หน้า. -สำนักข่าวไทย

คาดชาวอินเดียกว่าล้านร่วมพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์วันนี้

อุตตรประเทศ 14 ม.ค. – ชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูกว่า 1 ล้านคนจะมารวมตัวกันที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาในวันนี้เพื่อประกอบพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่อินเดียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่พุ่งเกือบ 30 เท่าในรอบเดือนที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สคาดการณ์ว่า ผู้แสวงบุญจำนวนมากจะเดินทางไปร่วมพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่แม่น้ำคงคาที่ไหลผ่านรัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของอินเดียและพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงรองจากรัฐมหาราษฏระ ทางตะวันตกของอินเดีย ขณะที่รัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของอินเดีย คาดว่าจะมีผู้แสวงบุญหลายแสนคนไปรวมตัวกันที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาเพื่อร่วมพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองประยาคราช ซึ่งมีความสำคัญทางศาสนาฮินดู ส่วนบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีผู้แสวงบุญชาวอินเดียจำนวนมากที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยกำลังเดินต่อแถวยาวเหยียดมุ่งหน้าสู่แม่น้ำคงคา โดยมีพ่อค้าแม่ค้านำดอกไม้และสินค้าอื่น ๆ มาตั้งวางขายเรียงรายข้างทาง ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 264,202 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 315 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 36.5 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 485,000 คน ขณะนี้ อินเดียพบผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่มีอัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ในระดับต่ำ และผู้ป่วยส่วนใหญ่หายป่วยจากการรักษาตัวที่บ้าน ก่อนหน้านี้ อินเดียเคยเผชิญกับตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นจากการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในพิธีรวมตัวทางศาสนาในพื้นที่ทางเหนือของประเทศเมื่อปีก่อน.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียอุณหภูมิพุ่ง 50.7 องศาสูงสุดในรอบ 62 ปี

ซิดนีย์ 14 ม.ค. – สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียเผยว่า เมืองออนสโลว์ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชนบทของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียมีสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิพุ่งถึง 50.7 องศาเซลเซียส และเป็นวันที่ร้อนที่สุดทำสถิติเทียบเท่ากับอุณหภูมิสูงสุดของประเทศที่เคยวัดได้เมื่อปี 2503 สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เมืองออนสโลว์ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียวัดอุณหภูมิได้สูงถึง 50.7 องศาเซลเซียสเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ทำลายสถิติสูงสุดของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียและทำสถิติเทียบเท่าอุณหภูมิสูงสุดของประเทศที่ท่าอากาศยานเมืองอูดนาดัตตาในรัฐเซาท์ออสเตรเลียเมื่อ 62 ปีก่อน ดร. มาร์ติน ไรซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของไคลเมต เคาน์ซิล (Climate Council) ซึ่งเป็นองค์กรรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศชั้นนำของออสเตรเลีย ระบุว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นจนเทียบเท่ากับสถิติเมื่อ 62 ปีก่อนเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มภาวะโลกร้อนระยะยาวที่มีสาเหตุจากการเผาถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ เขายังคาดการณ์ว่า หากออสเตรเลียยังไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อุณหภูมิระดับสูงดังกล่าวอาจกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศ โดยที่นครซิดนีย์และนครเมลเบิร์นอาจมีอุณหภูมิสูงถึงระดับ 50 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อนภายในปี 2573.-สำนักข่าวไทย

ศาลสูงสุดสหรัฐระงับคำสั่งฉีดวัคซีนโควิด พนง. บริษัทใหญ่

วอชิงตัน 14 ม.ค. – ศาลสูงสุดของสหรัฐสั่งระงับข้อกำหนดบังคับให้กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชนรายใหญ่ในสหรัฐเข้ารับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สวมหน้ากากอนามัย หรือเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ออกโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ศาลสูงสุดของสหรัฐระบุว่า ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน แต่รัฐบาลสหรัฐสามารถใช้ข้อกำหนดนี้ได้ในกลุ่มพนักงานที่ทำงานในสถานพยาบาล ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลสหรัฐอ้างว่าข้อกำหนดฉีดวัคซีนโควิดจะช่วยให้สหรัฐรับมือกับการระบาดของโรคโควิดได้ ส่วนประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งมีคะแนนนิยมลดลงอย่างมาก กล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของศาลสูงสุดสหรัฐที่สั่งระงับข้อกำหนดฉีดวัคซีนโควิดให้พนักงานบริษัทเอกชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องชีวิตของพวกเขา เขาขอเรียกร้องให้ผู้นำธุรกิจรายอื่น ๆ เข้าร่วมกับกลุ่มธุรกิจที่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนโควิดในทันที และประกาศใช้ข้อกำหนดฉีดวัคซีนในบริษัทเพื่อปกป้องพนักงาน ลูกค้า และชุมชน ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนได้ออกข้อกำหนดพนักงานบริษัทเอกชนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด สวมหน้ากากอนามัย และเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดทุกสัปดาห์โดยที่บริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป และส่งผลกระทบต่อพนักงานบริษัทราว 84 ล้านคน อย่างไรก็ดี ผู้คัดค้านข้อกำหนดดังกล่าว เช่น ส.ส. พรรครีพับลิกัน และกลุ่มบริษัทหลายแห่ง มองว่า รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนออกข้อกำหนดที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลจนทำให้เกิดการคัดค้านทางกฎหมายในทันที.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือขู่โต้กลับแรงขึ้นหลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตร

เปียงยาง 14 ม.ค. – เกาหลีเหนือกล่าวตำหนิรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรโครงการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก และเตือนว่าจะใช้มาตรการที่รุนแรงและชัดเจนมากขึ้น หากสหรัฐยังคงยืนหยัดที่จะเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ เผยแพร่แถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือโดยไม่ระบุชื่อว่า การทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงหลายครั้งของเกาหลีเหนือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันประเทศ การประกาศใช้มาตรการลงโทษของสหรัฐในครั้งนี้ตอกย้ำเจตนาที่ต้องการขัดขวางและปล่อยให้เกาหลีเหนืออยู่อย่างโดดเดี่ยว ในขณะที่สหรัฐได้ออกมาเรียกร้องหลายครั้งให้เกาหลีเหนือหวนกลับมาใช้วิธีเจรจาทางการทูตที่ประสบปัญหาหยุดชะงัก เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรและมาตรการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือยังกล่าวหาว่า สหรัฐทำตัวเหมือนอันธพาลเช่นเดิม โครงการพัฒนาขีปนาวุธใหม่ของเกาหลีเหนือเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนากองทัพให้ทันสมัยขึ้น และไม่ได้เจาะจงที่จะโจมตีประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือคุกคามความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี สหรัฐจงใจยกระดับสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้นโดยการประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรด้วยตัวเอง ซึ่งไม่เป็นไปตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้งยังกล่าวว่า การกระทำของสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า แม้รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนจะป่าวประกาศเรื่องการเดินหน้าเจรจาทางการทูตกับเกาหลีเหนือ แต่ก็ยังคงใช้นโยบายขัดขวางและปล่อยให้โดดเดี่ยวควบคู่กันไป หากสหรัฐยืนหยัดที่จะเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือด้วยการใช้มาตรการเหล่านี้ เกาหลีเหนือก็จำเป็นต้องโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ราชวงศ์อังกฤษเรียกคืนยศเจ้าชายแอนดรูว์

ลอนดอน 14 ม.ค. – สำนักพระราชวังอังกฤษประกาศเรียกคืนยศทางทหาร การเป็นองค์อุปถัมภ์ขององค์กรการกุศลต่าง ๆ รวมถึงตำแหน่งฐานันดรศักดิ์แห่งราชวงศ์อังกฤษ (His Royal Highness) ของเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์กและพระราชโอรสองค์ที่สองของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อให้พระองค์ทรงสู้คดีข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ ในฐานะสามัญชน สำนักพระราชวังบักกิงแฮมของอังกฤษระบุในแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนยศทางทหารและฐานันดรศักดิ์ของเจ้าชายแอนดรูว์ ต่อจากนี้ เจ้าชายแอนดรูว์จะทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะเชื้อพระวงศ์ไม่ได้อีกต่อไป เพื่อให้พระองค์ทรงสู้คดีความทางกฎหมายในฐานะสามัญชน แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่เจ้าชายแอนดรูว์ พระชันษา 61 ปี ทรงเผชิญกับคดีล่วงละเมิดทางเพศ โดยที่เวอร์จิเนีย กุฟฟรี วัย 38 ปี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลนครนิวยอร์กของสหรัฐ และกล่าวหาเจ้าชายแอนดรูว์ว่าทรงล่วงละเมิดทางเพศในสมัยที่เธออายุเพียง 17 ปีในปี 2544 แม้เจ้าชายแอนดรูว์ทรงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาตลอดก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

แอฟริกาใต้จับกษัตริย์ชนพื้นเมืองปลูกกัญชาใกล้ทำเนียบ

พริทอเรีย 13 ม.ค. – ตำรวจแอฟริกาใต้จับกุม ‘กษัตริย์กอยซาน’ (King Khoisan) ผู้นำชนเผ่ากอยซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่สุดของแอฟริกาใต้ ฐานปลูกกัญชาใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ในกรุงพริทอเรีย บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า ตำรวจแอฟริกาใต้ได้จับกุมกษัตริย์กอยซาน และถอนต้นกัญชาหลายต้นที่ปลูกอยู่ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ แปลงปลูกกัญชาเหล่านี้เป็นของกลุ่มนักเคลื่อนไหวบางส่วนจากเผ่ากอยซานที่ปักหลักตั้งค่ายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ส่วนกษัตริย์กอยซานได้พยายามยื้อแย่งต้นกัญชาที่ถูกถอนในขณะที่ตำรวจกำลังลากตัวเขาออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งตะโกนว่า ตำรวจได้ประกาศสงครามแล้ว ชนเผ่ากอยซานอยู่ที่นี่อย่างสันติ และจะกลับมาทวงทุกอย่างคืน ในขณะเดียวกัน ตำรวจแอฟริกาใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า กษัตริย์กอยซานและกลุ่มนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งของชนเผ่ากอยซานถูกจับกุมในข้อหาซื้อขายกัญชา ปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต ปลูกกัญชา และไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะตามคำสั่งของตำรวจ ขณะที่ราชินีซินเธีย (Queen Cynthia) ซึ่งเป็นชายาของคิง กอยซาน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เธอรู้สึกโกรธมากที่ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ไม่ต้องการที่จะเจรจากับชนเผ่ากอยซาน ชนพื้นเมืองกอยซานต้องการเป็นที่ยอมรับในสังคม ทั้งยังระบุว่า คนทั่วไปมักใช้กัญชาเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ เช่น การรักษาโรคมะเร็งและโรคความดันโลหิตสูง ก่อนหน้านี้ ชนเผ่ากอยซานได้ตั้งค่ายอยู่ที่บริเวณลานหญ้านอกทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ใกล้รูปปั้นอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา ของแอฟริกาใต้ มาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเรียกร้องให้ทางการรับรองภาษาถิ่นของชนเผ่ากอยซาน.-สำนักข่าวไทย

ชี้วัคซีนของแอสตราเซเนกากระตุ้นภูมิต้านโอไมครอนได้ดี

ลอนดอน 13 ม.ค. – แอสตราเซเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ-สวีเดน เผยว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามชี้ว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในระดับสูงขึ้น รวมถึงสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น เบตา เดลตา อัลฟา และแกมมา เมื่อได้รับวัคซีนดังกล่าวเป็นเข็มกระตุ้น แอสตราเซเนการะบุในแถลงการณ์ว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แวกเซฟเรีย (Vaxzevria) ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานเชื้อโควิดระดับสูงขึ้นในกลุ่มผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสของแอสตราเซเนกาหรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ บริษัทจะยื่นข้อมูลนี้ต่อหน่วยงานกำกับดูแลของหลายประเทศทั่วโลกเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยถือเป็นครั้งแรกที่แอสตราเซเนกาออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นเข็มกระตุ้น เซอร์แอนดรูว์ พอลลาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายวัคซีน สังกัดภาควิชากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ กล่าวว่า ผลการศึกษาข้างต้นชี้ว่า การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นหลังได้รับวัคซีนสองโดสขนานเดียวกันหรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานเชื้อโควิดได้สูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ผลวิจัยยังระบุว่า วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอที่พัฒนาโดยไฟเซอร์และโมเดอร์นา ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานเชื้อโควิดในระดับสูงเช่นกัน เมื่อได้รับวัคซีนดังกล่าวเป็นเข็มกระตุ้น.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียน โอเพ่น จะจำกัดผู้ชมไม่เกินครึ่งของสนามหลัก

เมลเบิร์น 13 ม.ค. – คณะผู้จัดการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น ของออสเตรเลีย เผยวันนี้ว่า จะจำกัดจำนวนผู้ชมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุของสนามหลักที่ใช้ในการแข่งขัน ขณะที่โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกจากเซอร์เบีย มีชื่ออยู่ในการแข่งขันรอบเมนดรอว์ หรือกลุ่มนักเทนนิสที่มีอันดับต้น ๆ ของการแข่งขัน ทั้งที่ยังมีความไม่แน่นอนว่า รัฐบาลจะยกเลิกวีซาของเขาเป็นรอบที่ 2 หรือไม่ สมาพันธ์เทนนิสออสเตรเลีย (TA) ระบุว่า จะจำกัดจำนวนผู้ชมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุ 2 สนามหลักเท่านั้น ได้แก่ ร็อด เลเวอร์ อารีนา และมาร์กาเร็ต คอร์ต อารีนา แต่จะไม่ใช้มาตรการนี้ในสนามแข่งขันอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าและจัดขึ้นกลางแจ้ง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น ซึ่งมีกำหนดเปิดฉากขึ้นระหว่างวันที่ 17-30 มกราคมในนครเมลเบิร์น อย่างคับคั่ง พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจในมาตรการควบคุมโรคโควิดที่ใช้ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ขณะที่ทางการรัฐวิกตอเรียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 37,169 คน ลดลงจากวันก่อนที่ 40,127 […]

ออสเตรเลียพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่สูงสุด

ซิดนีย์ 13 ม.ค. – ออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 147,000 คน ทำสถิติสูงสุดของประเทศ ในขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้มีอัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานจนทำให้บางรัฐต้องผ่อนคลายข้อกำหนดกักตัวในกลุ่มแรงงานที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อ ออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 147,000 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอกและเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย มากถึง 92,000 คน ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและในแผนกผู้ป่วยหนักก็อยู่ในระดับสูงสุดเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลียระบุว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศยังคงรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น 53 คน โดยพบผู้เสียชีวิตมากสุดที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ 22 คน อย่างไรก็ดี อัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าการระบาดก่อนหน้านี้ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 1.4 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน ในขณะเดียวกัน นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก เผยวันนี้ว่า รัฐวิกตอเรียจะผ่อนคลายข้อกำหนดกักตัวในกลุ่มแรงงานที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด โดยจะอนุญาตให้พนักงานของหน่วยงานบริการฉุกเฉิน สถาบันการศึกษา และการขนส่งมวลชน สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติหากไม่มีอาการป่วย ส่วนรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งมีนครบริสเบนเป็นเมืองเอก ตัดสินใจเปิดพรมแดนระหว่างรัฐอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี […]

อนามัยโลกเตือนโอไมครอนอันตรายต่อคนไม่ฉีดวัคซีนโควิด

เจนีวา 13 ม.ค. – องค์การอนามัยโลกระบุว่า แม้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา แต่สายพันธุ์โอไมครอนก็ยังคงจัดเป็นเชื้อไวรัสระดับอันตราย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นในสวิตเซอร์แลนด์ว่า มีอีกกว่า 90 ประเทศทั่วโลกที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมดในแต่ละประเทศ และมีประชากรกว่าร้อยละ 85 ในทวีปแอฟริกาที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแม้แต่เข็มเดียว ทั่วโลกต้องไม่ยอมให้เชื้อโควิดแพร่ระบาดได้อย่างอิสระหรือยอมแพ้ต่อการควบคุมโรคนี้ โดยเฉพาะในขณะที่ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด ดร. ทีโดรส ยังระบุว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในหลายประเทศทั่วโลกเป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลตา ผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด ทั้งนี้ หากทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิดได้ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เกิดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่อาจแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งอาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์โอไมครอน ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกระบุในรายงานอัปเดตสถานการณ์ด้านระบาดวิทยารายสัปดาห์เมื่อวันอังคารว่า ทั่วโลกพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 15 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ในช่วงรอบสัปดาห์ก่อนถึงวันที่ 9 มกราคม ซึ่งทำสถิติผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดเมื่อเทียบกับหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้.-สำนักข่าวไทย

1 132 133 134 135 136 315