fbpx

เด็กชายรอดชีวิตหลังหลงป่าแอมะซอนนาน 4 สัปดาห์

บราซิเลีย 18 มี.ค. – เด็กชายชาวพื้นเมือง 2 คนได้รับการช่วยเหลือและนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว หลังหายตัวไปในป่าดิบชื้นแอมะซอนของบราซิลเป็นเวลาเกือบ 4 สัปดาห์ บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า กลาวโคและเกลซัน เฟอร์เรรา เด็กชายสองพี่น้อง วัย 8 ปี และ 6 ปี ได้หายตัวไปในป่าแอมะซอน หลังจากที่ทั้งสองคนวิ่งเล่นไล่จับนกในป่าใกล้เมืองมานิโคเรในรัฐอามาโซนัส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้น ชาวบ้านหลายร้อยคนได้ช่วยกันออกตามหาตัวสองพี่น้องในป่าแอมะซอนมาเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่พบตัว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนที่ทำให้การเดินเท้าในป่าดังกล่าวเป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งนี้ หน่วยงานรับมือด้านฉุกเฉินของทางการท้องถิ่นได้ตัดสินใจหยุดการค้นหาเด็กชายทั้งสองคนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่ชาวบ้านยังคงไม่ถอดใจและเดินหน้าค้นหาตัวเด็กในป่าต่อไป บีบีซีระบุว่า ชายตัดไม้คนหนึ่งได้พบตัวกลาวโคและเกลซันโดยบังเอิญในป่าที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านที่ทั้งสองอาศัยอยู่กับครอบครัวราว 6 กิโลเมตรเมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 4 สัปดาห์ เด็กชายได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือในขณะที่เขาได้ยินเสียงชายตัดไม้อยู่ใกล้ ๆ ชายคนดังกล่าวจึงเดินตามเสียงไปจนพบตัวเด็กทั้งสองคนนอนอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงอยู่บนผืนป่าด้วยความหิวโหยและอ่อนล้าพร้อมรอยแผลถลอกปอกเปิกตามร่างกาย ขณะที่สื่อท้องถิ่นของบราซิลรายงานว่า กลาวโคและเกลซันบอกกับผู้ปกครองของทั้งสองคนว่า ไม่ได้กินอาหารเลยตั้งแต่หลงป่า และดื่มน้ำฝนประทังชีพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ขณะนี้ ทางการท้องถิ่นได้ส่งตัวเด็กชายทั้งสองคนไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” จะยกหูเตือน “สี จิ้นผิง” ไม่ให้หนุนรัสเซีย

วอชิงตัน 18 มี.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ จะเตือนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ไม่ให้สนับสนุนรัสเซียในการบุกโจมตียูเครนในการหารือร่วมกันผ่านทางโทรศัพท์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาในจีน สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดนกับประธานาธิบดีสีจะหารือร่วมกันผ่านทางโทรศัพท์ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาในจีนเกี่ยวกับประเด็นด้านความสัมพันธ์และปัญหาระหว่างสหรัฐกับจีน ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้นำของสหรัฐกับจีนจะหารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการแข่งขันของทั้งสองประเทศ ปัญหาบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย และปัญหาอื่น ๆ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะเน้นย้ำให้ชัดเจนว่า จีนจะต้องได้รับผลกระทบจากการกระทำใด ๆ ก็ตามที่เข้าข่ายการสนับสนุนให้รัสเซียบุกโจมตียูเครน สหรัฐเชื่อว่าจีนมีอิทธิพลต่อประธานาธิบดีปูตินและการปกป้องระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศตามที่จีนเคยให้คำมั่นไว้ อย่างไรก็ดี จีนกลับมีท่าทีเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่เคยพูดด้วยการไม่ออกแถลงการณ์ประณามการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย รวมถึงการพยายามวางตัวเป็นกลาง ซึ่งทำให้สหรัฐรู้สึกวิตกกังวลว่าจีนกำลังพิจารณาช่วยรัสเซียด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ในยูเครน ในขณะเดียวกัน นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐ กล่าวว่า การประชุมระหว่างประธานาธิบดีไบเดนกับประธานาธิบดีสีในวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้นำสหรัฐประเมินจุดยืนของผู้นำจีนที่มีต่อสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน เนื่องจากจีนไม่ยอมออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของรัสเซีย ซึ่งทำให้ทั่วโลกต่างรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับท่าทีของจีนที่มีต่อรัสเซีย ทำเนียบขาวของสหรัฐยังกล่าวในแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า ผู้นำสหรัฐและจีนจะหารือกันทางโทรศัพท์ในเวลา 9.00 น. ตามเวลาในสหรัฐ หรือ ตรงกับ 20.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย

เผยเว็บไซต์รัฐบาลรัสเซียถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนัก

กระทรวงดิจิทัลของรัสเซียระบุว่า เว็บไซต์ของรัฐบาลรัสเซียกำลังถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผู้นำฮ่องกงจ่อผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดบางส่วน

ฮ่องกง 17 มี.ค. – นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ระบุว่า กำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 บางส่วน เนื่องจากประชาชนเริ่มทนไม่ไหวต่อการใช้ชีวิตภายใต้มาตรการเข้มงวด แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนงานรับมือสถานการณ์ระบาดรุนแรงของโรคโควิด นางหล่ำเผยวันนี้ว่า ถึงเวลาที่เธอต้องทบทวนการใช้มาตรการต่าง ๆ อีกครั้ง การตัดสินใจเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพราะยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลง แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกว่าประชาชนเริ่มทนไม่ไหวต่อการใช้ชีวิตภายใต้มาตรการเข้มงวด สถาบันการเงินหลายแห่งของฮ่องกงก็เริ่มทนไม่ไหวจากการใช้มาตรการคุมเข้มที่ทำให้ฮ่องกงอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเวทีโลก อย่างไรก็ดี นางหล่ำไม่ยอมเปิดเผยถึงแผนงานรับมือสถานการณ์ระบาดรุนแรงของโรคโควิดในฮ่องกง โดยระบุเพียงว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการรับมือกับโรคโควิดก็คือรัฐบาลไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เธอเข้าใจดีว่าสังคมต้องการคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเธอจะประกาศความคืบหน้าให้ทุกคนทราบในวันที่ 21 หรือ 22 มีนาคม การแถลงข่าวรายวันของนางหล่ำเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดแทบจะไม่ทำให้ข่าวลือที่ว่ารัฐบาลฮ่องกงเตรียมวางแผนตรวจหาเชื้อโควิดในประชาชนเป็นวงกว้างและประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์หายไป แม้นางหล่ำได้เน้นย้ำว่ายังไม่มีการประกาศแผนดังกล่าวอย่างเป็นทางการก็ตาม ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฮ่องกงถูกหลายฝ่ายตำหนิเกี่ยวกับการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนต่อสาธารณชนเกี่ยวกับแผนรับมือการระบาดระลอกที่ห้า ซึ่งทำให้ฮ่องกงมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตราว 4,600 คนภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ขณะนี้ ฮ่องกงมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 975,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 4,800 คน.-สำนักข่าวไทย

ระเบียบทรงผม-เครื่องแบบ รร.ในญี่ปุ่นตกเป็นประเด็นร้อน

โตเกียว 17 มี.ค.-ข้อกำหนดเรื่องทรงผมและการแต่งกายที่เข้มงวดเกินไปของโรงเรียนบางแห่งในญี่ปุ่นกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากบรรดาผู้ปกครอง เช่น การกำหนดให้นักเรียนต้องมีผมสีดำไปจนถึงการใช้เชือกผูกรองเท้าสีขาว นายโตชิยูกิ คูซูโมโตะ คุณพ่อลูกสองจากจังหวัดโออิตะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เผยว่า เขากำลังหาทางยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อปกป้องลูกชายคนเล็กจากกฎระเบียบที่ไม่สมเหตุสมผลในโรงเรียน เช่น การกำหนดความยาวผม ห้ามนักเรียนหญิงผูกผมทรงหางม้าหรือถักเปีย ห้ามสวมถุงเท้าที่มีความยาวถึงตาตุ่ม รวมถึงข้อกำหนดให้ใช้เชือกผูกรองเท้าสีขาวเท่านั้น นายคูซูโมโตะมองว่า ข้อกำหนดเหล่านี้ของโรงเรียนเป็นการลิดรอนเสรีภาพส่วนบุคคลและสิทธิมนุษยชนภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น ทั้งยังระบุว่า ในช่วงปลายเดือนนี้ เขาจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการในชั้นศาลเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าวกับโรงเรียนและทางการท้องถิ่นของเมืองโออิตะ โดยหวังว่าเจ้าหน้าที่ของทางการจะเปลี่ยนข้อกำหนดเหล่านี้ในโรงเรียน ทั้งนี้ กรุงโตเกียวกำลังอยู่ในขั้นตอนเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในโรงเรียนแล้ว โดยเพิ่งประกาศยกเลิกข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น การกำหนดสีผมของนักเรียน ในโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งของเมืองหลวงตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ผศ. ทาคาชิ ออตสึ จากมหาวิทยาลัยสตรีมูโกกาวะของญี่ปุ่น ระบุว่า ข้อกำหนดเหล่านี้เริ่มบังคับใช้ในกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปมาตั้งแต่ในช่วงทศวรรษหลังปี 1970 ในช่วงนั้น ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อคุณครูในโรงเรียน จนทำให้หลายโรงเรียนต้องพยายามควบคุมความประพฤติของนักเรียนด้วยการออกข้อกำหนดต่าง ๆ เขามองว่า ข้อกำหนดบางอย่างมีความจำเป็นต่อองค์กร ซึ่งรวมถึงในโรงเรียนด้วย แต่การตัดสินใจของกฎเกณฑ์เหล่านี้ควรเป็นไปอย่างโปร่งใส และควรให้นักเรียนมีส่วนร่วมเพื่อเรียนรู้กระบวนการตัดสินใจภายใต้ระบอบประชาธิปไตย.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนอ้างรัสเซียระเบิดโรงละครที่พลเรือนใช้หลบภัย

เคียฟ 17 มี.ค. – ยูเครนอ้างว่ารัสเซียทิ้งระเบิดใส่โรงละครที่มีพลเรือนหลายพันคนใช้เป็นที่หลบภัยในเมืองมารีอูปอล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครนและถูกรัสเซียปิดล้อมมานานหลายสัปดาห์ แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บอย่างแน่ชัด สภาท้องถิ่นของเมืองมารีอูปอลระบุผ่านเทเลแกรม ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นสนทนาออนไลน์แบบเข้ารหัส ว่า รัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่โรงละครของเมืองมารีอูปอล ซึ่งมีพลเรือนหลายพันคนใช้เป็นสถานที่หลบภัยจากการโจมตีของรัสเซีย ยูเครนจะไม่มีวันให้อภัยต่อการกระทำที่รุนแรงในครั้งนี้ ขณะที่นายวาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีของเมืองมารีอูปอล เรียกการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายทารุณ เพราะมีพลเมืองยูเครนหลบภัยอยู่ที่โรงละครแห่งนั้นเป็นจำนวนมาก บางคนบอกว่าโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเช่นนั้น เขาขอประณามผู้ก่อเหตุร้ายแรงเช่นนี้ว่าต้องการที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน แต่เชื่อมั่นว่าเมืองมารีอูปอลจะกลับมางดงามดังเดิมอีกครั้งเมื่อสงครามจบสิ้น ด้านเจ้าหน้าที่ของทางการยูเครนหลายรายระบุว่า การทิ้งระเบิดใส่โรงละครที่เป็นสถานที่หลบภัยของพลเรือนถือเป็นอาชญากรรมสงคราม ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่า กองทัพรัสเซียไม่ได้ทิ้งระเบิดใส่โรงละครของเมืองมารีอูปอล ทั้งยังระบุว่าเหตุระเบิดดังกล่าวเป็นฝีมือการจัดฉากของกองพันอาซอฟ ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวาในเมืองมารีอูปอล และอ้างว่าพลเรือนยูเครนอาจถูกจับเป็นตัวประกันไว้ในสถานที่ดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย  

เกาหลีใต้จะเลิกมาตรการคุมโควิดแม้ยอดป่วย-ตายพุ่งสูงสุด

โซล 17 มี.ค. – เกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 621,328 คน และผู้เสียชีวิต 429 คน ทำสถิติยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดครั้งใหม่ ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิดทั้งหมดในเร็ว ๆ นี้ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี หรือเคดีซีเอ รายงานวันนี้ว่า เกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 621,328 คน และผู้เสียชีวิต 429 คน ทำสถิติยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดครั้งใหม่ ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 8.2 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 11,400 คน ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกาหลีใต้ชี้ว่า มีชาวเกาหลีใต้จำนวนมากที่คิดว่าจะติดเชื้อโควิด และไม่ค่อยมีผู้ที่หวาดกลัวต่ออาการป่วยรุนแรงหลังติดเชื้อโควิด แม้เกาหลีใต้พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดและผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปทบทวนแผนยกเลิกการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเกือบทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และผลสำรวจความเห็นของประชาชนเกาหลีใต้ก็มีแนวโน้มสนับสนุนแนวทางดังกล่าวของรัฐบาล ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้ได้ประกาศขยายเวลาเปิดบริการของร้านอาหารต่าง ๆ ไปจนถึง 23.00 น. ยกเลิกข้อกำหนดให้ประชาชนแสดงใบรับรองฉีดวัคซีนโควิด และเตรียมวางแผนยกเลิกข้อกำหนดกักตัวในกลุ่มนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังเตรียมที่จะพิจารณายกเลิกมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมโดยเร็วที่สุดในวันศุกร์ เช่น คำสั่งจำกัดการรวมตัวของประชาชนในที่สาธารณะได้ไม่เกิน 6 คน […]

ยูเครนอ้างสังหารนายพลรัสเซียได้เป็นรายที่สี่

เคียฟ 17 มี.ค. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน อ้างว่า ยูเครนได้สังหารนายพลรัสเซียเป็นรายที่สี่ในระหว่างการสู้รบกับกองทัพรัสเซียที่เมืองมารีอูปอล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางใต้ของยูเครน ประธานาธิบดีเซเลนสกีอ้างว่า ยูเครนได้สังหารนายพลรัสเซียเป็นรายที่สี่ในระหว่างการสู้รบกับกองทัพรัสเซีย แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของนายพลที่เสียชีวิต ขณะที่ที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทยของยูเครนเผยว่า นายพลรัสเซียคนดังกล่าวชื่อ พลเอกโอเล็ก มิตแยฟ โดยที่เขาถูกกองพันอาซอฟ ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวาในเมืองมารีอูปอล สังหาร ด้านสื่อของยูเครนรายงานว่า นายพลมิตแยฟถูกสังหารในพื้นที่ใกล้เมืองมารีอูปอล ทั้งนี้ นายพลมิตแยฟนับเป็นทหารรัสเซียระดับนายพลรายที่สี่ที่ถูกสังหารในยูเครน นักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่า รัสเซียแต่งตั้งทหารระดับนายพลราว 20 นาย ให้เป็นผู้นำกองทัพรัสเซียบุกโจมตียูเครน หากรายงานข่าวสังหารนายพล 4 นายของรัสเซียได้รับการยืนยันว่าเป็นจริง ก็แสดงว่ารัสเซียเสียนายพลไปแล้วร้อยละ 20 จากทั้งหมด 20 นายในสงครามครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูง ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า นายพลเหล่านี้ไม่ได้ถูกสังหารเพราะเหตุบังเอิญ แต่เป็นเพราะยูเครนได้ตั้งเป้าสังหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองทัพรัสเซียโดยเฉพาะ ส่วนแหล่งข่าวไม่เผยนามที่ใกล้ชิดประธานาธิบดีเซเลนสกีเผยกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐว่า ยูเครนมีหน่วยข่าวกรองทหารที่มุ่งเป้ากำจัดเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองทัพรัสเซีย เช่น นายพลที่มีชื่อเสียง นักบิน และผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” เรียก “ปูติน” ว่าอาชญากรสงคราม

วอชิงตัน 17 มี.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เรียกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ว่าเป็น ‘อาชญากรสงคราม’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าอาจทำให้ความตึงเครียดทางการทูตของทั้งสองประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ประธานาธิบดีไบเดนตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ผู้นำสหรัฐพร้อมที่จะเรียกประธานาธิบดีปูตินว่า ‘อาชญากรสงคราม’ หรือไม่ หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องสงครามในยูเครน ประธานาธิบดีไบเดนตอบว่า ไม่พร้อมที่จะใช้คำนั้น ก่อนที่จะถูกผู้สื่อข่าวท้าทาย และเปลี่ยนคำตอบใหม่ว่า เขาคิดว่าประธานาธิบดีปูตินเป็นอาชญากรสงคราม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีไบเดนใช้คำดังกล่าวประณามการกระทำของผู้นำรัสเซีย ในเวลาต่อมา นางเจน ซากี โฆษกหญิงของทำเนียบขาวสหรัฐ ระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดนพูดถึงประธานาธิบดีปูตินจากความรู้สึกในหัวใจ หลังได้เห็นภาพโหดร้ายทารุณจากการที่รัสเซียใช้ความรุนแรงในยูเครน มากกว่าที่จะประกาศใช้คำเรียกนั้นอย่างเป็นทางการ ทั้งยังระบุว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องขั้นตอนทางกฎหมายในการพิจารณาและกำหนดว่าการกระทำใดถือเป็นอาชญากรรมสงคราม ในขณะเดียวกัน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของรัฐบาลรัสเซีย เผยกับสำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียว่า รัสเซียคิดว่าการใช้วาทกรรมดังกล่าวของประธานาธิบดีไบเดนเป็นสิ่งที่รัสเซียยอมรับไม่ได้และไม่ให้อภัยเด็ดขาด เนื่องจากสหรัฐเองก็เคยยิงระเบิดหลายร้อยลูกที่ทำให้ประชาชนหลายแสนคนทั่วโลกเสียชีวิตมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

บก. หญิงรัสเซียที่ชูป้ายต้านสงครามยูเครนถูกปล่อยตัวแล้ว

มอสโก 16 มี.ค. – บรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์ของทางการรัสเซียถูกปรับเงินและได้รับการปล่อยตัวแล้ว หลังจากที่เธอโผล่ชูป้ายประท้วงการทำสงครามในยูเครนกลางรายการข่าวสด รวมถึงอัดคลิปเผยความในใจต่อต้านการทำสงครามยูเครนของรัสเซีย มารีนา โอฟแซนนิโควา บรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน (Channel 1) ของทางการรัสเซีย เผยหลังได้รับการปล่อยตัวว่า เธอถูกตำรวจรัสเซียสอบสวนยาวนานถึง 14 ชั่วโมง ไม่ได้นอนเป็นเวลา 2 วัน และถูกขัดขวางไม่ให้ได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย รวมถึงถูกปรับเงิน 30,000 รูเบิล (9,300 บาท) จากการอัดคลิปวิดีโอที่ระบายความในใจเกี่ยวกับสงครามยูเครน ในคลิปดังกล่าว เธอได้เรียกร้องให้ชาวรัสเซียออกมาชุมนุมต่อต้านการทำสงครามในยูเครน และมีเพียงประชาชนรัสเซียเท่านั้นที่มีอำนาจหยุดยั้งการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน อย่างไรก็ดี โอฟแซนนิโควาไม่ได้ถูกตั้งข้อหาในความผิดฐานจัดงานชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเธอจะถูกตั้งข้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นว่า โอฟแซนนิโควาอาจถูกตั้งข้อหาที่หนักขึ้น หลังรัสเซียเพิ่งออกกฎหมายอาญาฉบับใหม่ที่ห้ามมิให้ผู้ใดเรียกปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนของรัสเซียว่าเป็นการบุกรุก หรือห้ามมิให้ผู้ใดเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน.-สำนักข่าวไทย

ชี้โควิดทำให้ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยากจนมากขึ้น

มะนิลา 16 มี.ค. – ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ระบุว่า โรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับปัญหายากจนอย่างรุนแรงในปี 2564 โดยมีประชากรยากจนเพิ่มขึ้นถึง 4.7 ล้านคน พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ออกมาตรการเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รายงานของเอดีบีระบุว่า ตัวเลขประชากรที่มีฐานะยากจนมาก ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีเงินใช้จ่ายน้อยกว่าวันละ 1.90 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64 บาท) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นเป็น 24.3 ล้านคนในปี 2564 หรือคิดเป็นร้อยละ 3.7 ของประชากรทั้งหมด 650 ล้านคนของภูมิภาคดังกล่าว อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีตัวเลขประชากรยากจนมากลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ในปี 2562 มีประชากรยากจนมากเพียง 14.9 ล้านคน ลดลงจาก 18 ล้านคนในปี 2561 และ 21.2 ล้านคนในปี 2560 นายมาซาสึงุ อาซากาวะ ประธานของเอดีบี กล่าวว่า โรคโควิดทำให้เกิดปัญหาว่างงานเป็นวงกว้าง ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางสังคม […]

เวียดนามยกเลิกมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว

ฮานอย 16 มี.ค. – เวียดนามประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางชาวต่างชาติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังใช้มาตรการเข้มงวดควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มาเป็นเวลานานถึง 2 ปี กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า เวียดนามจะอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติที่มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบเดินทางเข้าประเทศได้ และประกาศยกเว้นวีซ่าเดินทางเข้าประเทศเป็นเวลา 15 วันให้แก่นักเดินทางจาก 13 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อังกฤษ รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเบลารุส ขณะนี้ เวียดนาม ซึ่งมีประชากรราว 97 ล้านคน ยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เกือบวันละ 200,000 คน ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุว่า เวียดนามสามารถควบคุมการระบาดระลอกล่าสุดได้ เนื่องจากมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ เจ้าหน้าที่เวียดนามเผยว่า สาเหตุที่เวียดนามมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำเป็นผลมาจากอัตราฉีดวัคซีนโควิดที่อยู่ในระดับสูง โดยมีประชาชนวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 98 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส ขณะนี้ ทางการเวียดนามกำลังเตรียมเปิดโครงการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ประชาชน รวมถึงการวางแผนฉีดวัคซีนโควิดให้แก่เด็กเล็กและวัยรุ่น ทั้งนี้ เวียดนามมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 6.5 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า […]

1 101 102 103 104 105 315