นายกฯ อยากให้ลดดอกเบี้ยอีก ช่วยแก้หนี้บุคลากรภาครัฐ

กรุงเทพฯ 15 มี.ค.-นายกฯ ขอทุกหน่วยงานพยายามมากขึ้น หาแนวทางช่วยแก้ปัญหาหนี้สินบุคลากรภาครัฐ ย้ำข้าราชการเป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อนประเทศติ หากมีหนี้สินล้นพ้นตัว ถือเป็นสารตั้งต้นของหายนะ แม้ ธปท. จะยังไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่หน่วยงานออกเงินกู้ปรับลดให้ จึงขอขอบคุณ กำชับดึงข้าราชการกู้ในระบบมากขึ้น


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานการแถลงข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้ แก่บุคลากรภาครัฐ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเข้าร่วมรับฟังการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานของหน่วยงานงานต่างๆ รวม 11 หน่วยงานได้แก่ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงสาธารณสุข กรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคารออมสินในฐานะสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะสมาคมธนาคารไทยรายงานแนวทางและผลการดำเนินงานแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2566 เพื่อขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแก้หนี้ทั้งระบบ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกำกับแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนรายย่อยกล่าวรายงานว่า ขณะนี้หนี้ทั้งระบบมีมูลหนี้สูงกว่า 16 ล้านล้านบาท สถานการณ์หนี้เสียทุกประเภทส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมาก


หนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบซึ่งแบ่งประเภทเป็น การกู้เพื่อบ้าน เช่าซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อภาคเกษตร สินเชื่อ OD และหนี้อื่นๆ โดยพบว่า ปัญหาหนี้สินมีความซับซ้อนและไม่เป็นธรรมในเชิงโครงสร้าง ในการแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยอำนาจรัฐทั้งอำนาจฝ่ายบริหารในด้านการจัดการของหน่วยงานนโยบายและหน่วยงานกำกับดูแล อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น และอำนาจของฝ่ายตุลาการ เพื่อนำมาซึ่งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการบังคับคดีที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐปรับปรุงและกำหนดหลักเกณฑ์การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ โดยให้มีเงินเดือนคงเหลือสุทธิเพื่อการดำรงชีพไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ตามแนวทางเดียวกับระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ พศ. 2551 ให้สถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อสวัสดิการให้ต่ำลงเพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ต่ำ จากการที่ภาครัฐดูแลและประสานงานให้มีการชำระหนี้ นอกจากนี้ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ดูแลให้สหกรณ์ทุกแห่งให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยและกำหนดเงินต้นให้เหมาะสม รวมถึงใช้ทุนเรือนหุ้นของลูกหนี้เพื่อบรรเทาภาระหนี้เงินกู้ลงตามความจำเป็น

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้สวัสดิการของบุคลากรภาครัฐ เป็นยอดหนี้ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญ แต่ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏในรายงานยอดหนี้ของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากจำนวนบุคลากรภาครัฐ 3.1 ล้านคน ที่ยังไม่รวมสมาชิกในครอบครัวเป็นลูกหนี้เงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ 1,378 แห่ง จำนวนลูกหนี้ 2.8 ล้านคน และมีธนาคารที่ให้สินเชื่อในลักษณะสวัสดิการร่วมอีกอย่างน้อย 3 แห่ง คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 3 ล้านล้านบาท ในขณะที่ลูกหนี้จำนวนหนึ่งยังคงชำระหนี้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์และธนาคารอยู่ แต่ปรากฏว่า มีบุคลากรภาครัฐจำนวนมากที่มีรายได้สุทธิหลังหักการชำระหนี้จากเงินรายเดือนแล้ว มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ อีกทั้งมีบุคลากรของรัฐจำนวนมากที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จนกลายเป็นปัญหาที่กระทบต่อการดำรงชีพอย่างรุนแรงและต่อเนื่องซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน พร้อมระบุว่า การดำเนินการและการเตรียมการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี คืบหน้าแล้วในระดับหนึ่ง


นายเศรษฐากล่าวภายหลังรับทราบผลการดำเนินงานจากหัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารองค์กรทั้ง 11 หน่วยงานว่า การแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลาการของรัฐก้าวหน้ามาถึงจุดหนึ่ง แต่ต้องการให้ทุกหน่วยงานพยายามแก้ปัญหานี้ให้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากข้าราชการเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติให้เดินไปข้างหน้า หากมีหนี้สินล้นพ้นตัว ถือเป็นสารตั้งต้นของหายนะของประเทศ

ทั้งนี้การเป็นหนี้จนชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานแล้ว รายได้ไม่เพียงพอจะจ่ายดอกเบี้ยซึ่งอาจทำให้บุคลากรของรัฐหันไปพึ่งยาเสพติดหรือกระทำการทุจริตเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ดังนั้นภาคส่วนต่างๆ ต้องมาร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาเช่น แก้ไขระเบียบและกฎหมายว่า ไม่ให้คนเป็นหนี้ต้องออกจากราชการ ให้เงินเดือนหลังหักชะระหนี้แล้วยังเหลือร้อยละ 30 ออกสินเชื่อพิเศษ

สิ่งที่หน่วยงานต่างๆ กล่าวเหมือนกันคือ การลดดอกเบี้ย โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า เข้าใจถึงการทำงานของหน่วยงานที่ออกสินเชื่อว่า ต้องคำนึงถึงผลกำไรซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดถึงผลการดำเนินงาน แต่การที่ยอมเฉือนเนื้อโดยลดดอกเบี้ยให้เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังไม่ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย จึงขอขอบคุณ

พร้อมกันนี้เน้นย้ำต่อกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการแก้หนี้สินของบุคลากรภาครัฐ โดยดึงข้าราชการให้เข้าสู่การกู้ในระบบมากขึ้น แม้ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ จะมีข้อจำกัดในการทำงานจนทำให้หนี้สินของบุคลากรของรัฐนั้นยังไม่ลดลง การที่ผู้บริหารระดับสูงมาร่วมกันทำงานเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมให้ได้ ขณะนี้ก้าวมาถึงจุดหนึ่งแล้ว แต่อยากให้มีความทะเยอทะยานที่จะช่วยเหลือประชาชนมากยิ่งขึ้นอีก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยคือ การเพิ่มรายได้ของครอบครัว การจัดสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยที่สมเกียรติสมศักดิ์ศรี การรักษาพยาบาลที่ดีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยทุกส่วนเป็นองค์ประกอบสำคัญ

ทั้งนี้การแก้ไขหนี้สินเป็นกระบวนการที่ต้องการความใส่ใจ ความร่วมมือ และความต่อเนื่องจึงขอให้กำลังใจและจะขอรับการรายงานความก้าวหน้าและความสำเร็จอีกครั้งในเร็วๆ นี้ อีกทั้งจะะเร่งหารือกับผู้เกี่ยวข้องว่า ควรประสานขอความร่วมมือใด จากฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ เพื่อให้ภารกิจการแก้ไขหนี้มีความสำเร็จ และเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป.- 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]