นายกฯ อยากให้ลดดอกเบี้ยอีก ช่วยแก้หนี้บุคลากรภาครัฐ

กรุงเทพฯ 15 มี.ค.-นายกฯ ขอทุกหน่วยงานพยายามมากขึ้น หาแนวทางช่วยแก้ปัญหาหนี้สินบุคลากรภาครัฐ ย้ำข้าราชการเป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อนประเทศติ หากมีหนี้สินล้นพ้นตัว ถือเป็นสารตั้งต้นของหายนะ แม้ ธปท. จะยังไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่หน่วยงานออกเงินกู้ปรับลดให้ จึงขอขอบคุณ กำชับดึงข้าราชการกู้ในระบบมากขึ้น


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานการแถลงข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้ แก่บุคลากรภาครัฐ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเข้าร่วมรับฟังการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานของหน่วยงานงานต่างๆ รวม 11 หน่วยงานได้แก่ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงสาธารณสุข กรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคารออมสินในฐานะสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะสมาคมธนาคารไทยรายงานแนวทางและผลการดำเนินงานแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2566 เพื่อขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแก้หนี้ทั้งระบบ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกำกับแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนรายย่อยกล่าวรายงานว่า ขณะนี้หนี้ทั้งระบบมีมูลหนี้สูงกว่า 16 ล้านล้านบาท สถานการณ์หนี้เสียทุกประเภทส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมาก


หนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบซึ่งแบ่งประเภทเป็น การกู้เพื่อบ้าน เช่าซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อภาคเกษตร สินเชื่อ OD และหนี้อื่นๆ โดยพบว่า ปัญหาหนี้สินมีความซับซ้อนและไม่เป็นธรรมในเชิงโครงสร้าง ในการแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยอำนาจรัฐทั้งอำนาจฝ่ายบริหารในด้านการจัดการของหน่วยงานนโยบายและหน่วยงานกำกับดูแล อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น และอำนาจของฝ่ายตุลาการ เพื่อนำมาซึ่งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการบังคับคดีที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐปรับปรุงและกำหนดหลักเกณฑ์การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ โดยให้มีเงินเดือนคงเหลือสุทธิเพื่อการดำรงชีพไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ตามแนวทางเดียวกับระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ พศ. 2551 ให้สถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อสวัสดิการให้ต่ำลงเพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ต่ำ จากการที่ภาครัฐดูแลและประสานงานให้มีการชำระหนี้ นอกจากนี้ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ดูแลให้สหกรณ์ทุกแห่งให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยและกำหนดเงินต้นให้เหมาะสม รวมถึงใช้ทุนเรือนหุ้นของลูกหนี้เพื่อบรรเทาภาระหนี้เงินกู้ลงตามความจำเป็น

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้สวัสดิการของบุคลากรภาครัฐ เป็นยอดหนี้ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญ แต่ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏในรายงานยอดหนี้ของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากจำนวนบุคลากรภาครัฐ 3.1 ล้านคน ที่ยังไม่รวมสมาชิกในครอบครัวเป็นลูกหนี้เงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ 1,378 แห่ง จำนวนลูกหนี้ 2.8 ล้านคน และมีธนาคารที่ให้สินเชื่อในลักษณะสวัสดิการร่วมอีกอย่างน้อย 3 แห่ง คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 3 ล้านล้านบาท ในขณะที่ลูกหนี้จำนวนหนึ่งยังคงชำระหนี้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์และธนาคารอยู่ แต่ปรากฏว่า มีบุคลากรภาครัฐจำนวนมากที่มีรายได้สุทธิหลังหักการชำระหนี้จากเงินรายเดือนแล้ว มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ อีกทั้งมีบุคลากรของรัฐจำนวนมากที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จนกลายเป็นปัญหาที่กระทบต่อการดำรงชีพอย่างรุนแรงและต่อเนื่องซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน พร้อมระบุว่า การดำเนินการและการเตรียมการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี คืบหน้าแล้วในระดับหนึ่ง


นายเศรษฐากล่าวภายหลังรับทราบผลการดำเนินงานจากหัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารองค์กรทั้ง 11 หน่วยงานว่า การแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลาการของรัฐก้าวหน้ามาถึงจุดหนึ่ง แต่ต้องการให้ทุกหน่วยงานพยายามแก้ปัญหานี้ให้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากข้าราชการเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติให้เดินไปข้างหน้า หากมีหนี้สินล้นพ้นตัว ถือเป็นสารตั้งต้นของหายนะของประเทศ

ทั้งนี้การเป็นหนี้จนชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานแล้ว รายได้ไม่เพียงพอจะจ่ายดอกเบี้ยซึ่งอาจทำให้บุคลากรของรัฐหันไปพึ่งยาเสพติดหรือกระทำการทุจริตเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ดังนั้นภาคส่วนต่างๆ ต้องมาร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาเช่น แก้ไขระเบียบและกฎหมายว่า ไม่ให้คนเป็นหนี้ต้องออกจากราชการ ให้เงินเดือนหลังหักชะระหนี้แล้วยังเหลือร้อยละ 30 ออกสินเชื่อพิเศษ

สิ่งที่หน่วยงานต่างๆ กล่าวเหมือนกันคือ การลดดอกเบี้ย โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า เข้าใจถึงการทำงานของหน่วยงานที่ออกสินเชื่อว่า ต้องคำนึงถึงผลกำไรซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดถึงผลการดำเนินงาน แต่การที่ยอมเฉือนเนื้อโดยลดดอกเบี้ยให้เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังไม่ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย จึงขอขอบคุณ

พร้อมกันนี้เน้นย้ำต่อกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการแก้หนี้สินของบุคลากรภาครัฐ โดยดึงข้าราชการให้เข้าสู่การกู้ในระบบมากขึ้น แม้ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ จะมีข้อจำกัดในการทำงานจนทำให้หนี้สินของบุคลากรของรัฐนั้นยังไม่ลดลง การที่ผู้บริหารระดับสูงมาร่วมกันทำงานเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมให้ได้ ขณะนี้ก้าวมาถึงจุดหนึ่งแล้ว แต่อยากให้มีความทะเยอทะยานที่จะช่วยเหลือประชาชนมากยิ่งขึ้นอีก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยคือ การเพิ่มรายได้ของครอบครัว การจัดสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยที่สมเกียรติสมศักดิ์ศรี การรักษาพยาบาลที่ดีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยทุกส่วนเป็นองค์ประกอบสำคัญ

ทั้งนี้การแก้ไขหนี้สินเป็นกระบวนการที่ต้องการความใส่ใจ ความร่วมมือ และความต่อเนื่องจึงขอให้กำลังใจและจะขอรับการรายงานความก้าวหน้าและความสำเร็จอีกครั้งในเร็วๆ นี้ อีกทั้งจะะเร่งหารือกับผู้เกี่ยวข้องว่า ควรประสานขอความร่วมมือใด จากฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ เพื่อให้ภารกิจการแก้ไขหนี้มีความสำเร็จ และเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป.- 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]