กรมชลฯ กำชับแผนรับน้ำหลากจากฝนตกหนักใน 64 จว. 17-20 ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 17 ก.ค.- อธิบดีกรมชลประทาน กำชับเข้มแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก จากกรมอุตุฯ เตือนพายุโซนร้อน “ตาลิม” จะเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามเย็นพรุ่งนี้ โดยไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นทุกภาคและตกหนักถึงหนักมาก 64 จังหวัด ระหว่าง 17-20 ก.ค. ย้ำเก็บกักน้ำจากฝนที่ตกเหนือเขื่อน


นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า สั่งการโครงการชลประทานทั่วประเทศดำเนินการตามแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่อง พายุโซนร้อนกำลังแรง “ตาลิม” (TALIM) จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนเย็นวันที่ 18 ก.ค. แม้พายุจะไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุจะช่วยดึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ให้มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ดังนั้นระหว่างวันที่ 17 -20 ก.ค. ทุกภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งใน 64 จังหวัด โดยอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

สำหรับ 64 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ประกอบด้วย


วันที่ 17 ก.ค.

  • ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน ตาก และกำแพงเพชร
  • ภาตตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลางได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

วันที่ 18 ก.ค.

  • ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก และกำแพงเพชร
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลางได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

วันที่ 19-20 ก.ค.


  • ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลางได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยาสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครตรีอรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ทั้งนี้กรมชลประทานได้เตรียมพร้อมรับมือ โดยติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) เพื่อกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งให้สำนักงานชลประทานที่รับผิดชอบนำเครื่องจักรเครื่องมือเข้าประจำจุดเสี่ยง รวมทั้งเตรียมบุคลากรและระบบสื่อสารสำรองให้พร้อม นอกจากนี้ยังย้ำให้ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอาคารชลประทาน และตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ รวมถึงกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

นายประพิศกล่าวว่า ได้ย้ำให้เก็บกักน้ำจากฝนที่ตกบริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำ ขณะเดียวกันให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม หากจำเป็นต้องปรับเพิ่มปริมาณการระบายต้องไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ พร้อมกันนี้ต้องเตรียมพร้อมบูรณาการร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าและต้องเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที กรณีที่เกิดสถานการณ์

หากหน่วยงานหรือประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร. สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ

“อันวาร์” โพสต์ภาพคุย “ทักษิณ” พร้อมคณะ สร้างสันติภาพเมียนมา

“อันวาร์” ประธานอาเซียน โพสต์ภาพคุย “ทักษิณ” พร้อมคณะ แลกเปลี่ยนการสร้างสันติภาพในเมียนมา ก่อนประชุมทางไกลหารือ NUG

ตึกถล่ม

นายกฯ เผยตำรวจรวบรวมหลักฐานแล้ว ตึก สตง.ถล่ม จ่อหมายจับเร็วๆ นี้

นายกฯ ถก ผบ.ตร.-อธิบดีดีเอสไอ คืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่ม ระบุตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ ย้ำต้องมีผู้รับผิดชอบ กระทุ้งหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งข้อมูล-เอกสาร เพื่อหารายละเอียดเอาผิด ย้ำรับไม่ได้สูญเสียหลายชีวิต