กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กอนช. ประกาศเตือน 7 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เฝ้าระวังระดับน้ำที่จะสูงขึ้น 30-50 ซม. เนื่องจากจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง โดยให้กรมชลประทาน แบ่งระบายน้ำตั้งแต่เหนือเขื่อนเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่งแม่น้ำ ลดปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนสู่ตอนล่าง

นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ได้ออกประกาศแจ้งเตือน 7 จังหวัดเฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากกรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทเพิ่มขึ้นจาก 1,989 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น 2,200 – 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับเพิ่มการะบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์จะมีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 21 – 26 กันยายน 2565 บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 2,100 – 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนแม่น้ำสะแกกรัง สถานี Ct.19 อัตรา 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลำน้ำสาขาอัตรา 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งรวม 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์2,200 – 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในช่วงวันที่ 25 – 27 กันยายน 2565
ทั้งนี้การปรับเพิ่มอัตราการระบายจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 30 – 50 เซนติเมตรจึงแจ้งเตือน 7 จังหวัดได้แก่

– จังหวัดอ่างทอง บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง และอำเภอไชโย
– จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองบางบาล อำเภอเสนา และผักไห่
– จังหวัดสิงห์บุรี อำเภออินทร์บุรี เมืองสิงห์บุรี และพรหมบุรี
– จังหวัดปทุมธานี
– จังหวัดนนทบุรี
– กรุงเทพมหานคร
– จังหวัดสมุทรปราการ
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1.ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยง ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า
2 เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
3. ปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ ระบบชลประทาน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ขอให้บริหารจัดการน้ำโดยใช้ระบบชลประทานในการนำเข้าคลองต่างๆ ทั้งด้านฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพคลองชลประทาน ในแต่ละช่วงเวลาที่สามารถรองรับได้.-สำนักข่าวไทย