“ศิริกัญญา” เสนอตัดงบกลางลง 5 หมื่นล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ศิริกัญญา” เสนอตัดงบกลางลง 5 หมื่นล้าน เหตุใช้งบขาดประสิทธิภาพ ตั้งงบต่ำแล้วใช้เงินสำรองโปะงบที่ขาด งงตั้งงบใช้เงินคงคลังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แถมพบพิรุธเอางบกลางช่วยภัยแล้งเฉพาะพื้นที่รัฐบาล ด้าน “จุลพันธ์” แจงตั้งงบตามภาวการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน ขณะที่งบค่ารักษาพยาบาลเป็นไปตามสิทธิเบิกจริง ไม่สามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ ยืนยันจำเป็นต้องมีงบกลางพอใช้กรณีฉุกเฉินจำเป็น

นส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอปรับลดงบกลาง 627,968.75 ล้านบาท หรือปรับลดลง50,000ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของเงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และมีการโยกโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณในส่วนนี้ไปชำระหนี้อื่นๆ ที่อาจจะตั้งงบประมาณไม่เพียงพอ ทั้งเงินชดใช้เงินคงคลังที่ปีนี้เป็นรายการที่เพิ่มขึ้นมา 123,541 ล้านบาท ถือว่าปีนี้เป็นปีที่เราตั้งงบใช้เงินคงคลังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอมีการตั้งงบคงคลังสูงขนาดนี้ หากคิดเป็นเปอร์เซ็นของงบประมาณก็ใกล้เคียงกับงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2567 ที่มีการตั้งงบชดใช้เงินคงคลังเอาไว้ 118,000 ล้านบาทเศษแต่กรณีนี้เป็นการใช้เงินคงคลัง 2 ปีงบประมาณ แต่ขอปี 2567 ตั้งไว้สำหรับปี 2567 เพียงปีเดียว และที่ต้องใช้เงินคงคลังเพราะตั้งงบประมาณไว้ไม่เพียงพอ ก็ไปใช้งบกลางเงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น แต่งบกลางก็ไม่พอ เพราะยังต้องชำระดอกเบี้ยเกือบ 40,000 ล้านบาท บำนาญข้าราชการเกือบ 40,000ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ 24,000 ล้านบาท เงินพนักงานราชการ 17,000 ล้านบาท ซึ่งแต่ละรายการสามารถคำนวณล่วงหน้าได้อยู่แล้ว แต่เกิดจากความตั้งใจที่จะตั้งงบประมาณให้ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้วไปใช้จ่ายเงินฉุกเฉินจำเป็นทดแทน และพอปีไหนที่ตึงมือมากๆ เช่นปี 2567 ต้องนำเงินไปแจกเงินหมื่นใช้กับกลุ่มเปราะบาง ก็เลยตึงมือขนาดที่จะต้องไปใช้เงินคงคลัง เมื่อใช้แล้วก็ต้องตั้งงบใช้คืน และปีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกัน ขณะที่ตั้งงบชำระดอกเบี้ยก็ตั้งไว้ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง ซึ่งความจริงดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลควรต้องทะลุ 10 เปอร์เซ็น สุดท้ายก็ต้องใช้เงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น หรือไม่ก็ต้องใช้เงินคงคลัง


ดังนั้นจะเห็นว่าค่าเบี้ยหวัดบำเหน็ดบำนาญราชการและค่ารักษาพยาบาลจะเห็นว่าตั้งไว้ไม่เคยพอ นับวันจะยิ่งสูงขึ้น ดูทรงแล้วปี 68 น่าจะต้องใช้เงินคงคลัง และปี 69 ก็จะต้องใช้เพิ่มเช่นกัน ซึ่งสองส่วนนี้ดูแล้วน่าจะต้องใช้งบกลางไปถึง 60,000 ล้านบาทเศษ ทั้งที่รายการเหล่านี้เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ นอกจากนี้ยังมีค่าเค หรือเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างที่ราคาผันผวน อาจจะต้องชดเชยเพิ่มเติม พบว่าค้างจ่ายกับบริษัทรับเหมา 3,000 ล้านบาท แต่ตั้งงบประมาณไว้ปีละ 960 ล้านบาท แล้วเมื่อไหร่จะใช้หมด จะเป็นดินพอกหางหมูเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

นส.ศิริกัญญา ยังตั้งข้อสังเกตว่าปี 68ตั้งงบกลางไว้ 96,000 ล้านบาท แต่เพิ่งใช้ไปประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท เหลืออีก 70,000 ล้านบาทคงกั๊กเอาไว้ในไตรมาศสุดท้ายเพื่อใช้ชำระหนี้อะไรหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ เราก็เห็นถึงประสิทธิภาพของการเบิกจ่ายเงินฉุกเฉินจำเป็น พร้อมกันนี้ยังพบกว่ามีงบกลางที่ใช้ช่วยเหลือภัยแล้ง แล้วพบว่ามีข้อพิรุธว่ามีการจัดสรรงบกลางในการช่วยเหลือภัยแล้งค่อนข้างเอนเอียงไปทางรัฐบาล หลังจากนั้นสำนักงบประมาณได้ส่งหนังสือให้ทุกหน่วยงานทบทวนโครงการนี้ ซึ่ง ณ วันนี้ทบทวนเสร็จแล้วปรับลดจาก 7,400 ล้านบาท เหลือ2,108 ล้านบาท แต่เรื่องนี้ยังอยู่ในการสอบของป.ป.ช. จึงขอให้รอบนี้มีการกระจายตัว ไม่กระจุกอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนประสบความสำเร็จ


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงเรื่องการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดใช้เงินคงคลังว่า มีการเบิกจ่ายเกินกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้จริง ๆในปี 2568 มีรายการงบกลางเบี้ยหวัดบำเหน็ดบำนาญ เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายตามสิทธิของบุคลากร งบกลางในรายการค่าใข้จ่ายรักษาพยาบาลลูกจ้างของรัฐ งบกลางเงินช่วยเหลือลูกจ้าง ข้าราชการของรัฐ งบชำระหนี้ภาครัฐ ซึ่งเป็นไปตามภาวะการณ์เศรษฐกิจในขณะตั้งงบประมาณ ซึ่งมีความผันผวนไม่แน่นอนสูง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และแผนงานบุคลากรภาครัฐ เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเป็นไปตามสิทธิค่าใช้จ่ายที่เบิกจริง ซึ่งเป็นระดับจุลภาค ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งงบประมาณเหล่านี้ไม่มีหน่วยรับงบประมาณที่ชัดเจน เป็นงบประมาณตัวเลขที่ไม่แน่ชัด สำนักงบประมาณก็จะทำการตกลงกับกรมบัญชีกลางว่าจะตั้งงบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งไม่มีการตั้งงบประมาณเผื่อเพียงพอจนเหลือ ดังนั้นการตั้งงบประมาณอาจจะไม่เพียงพอ 100เปอร์เซ็น ดังนั้นการใช้เงินคงคลังในปีนี้อาจจะไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมา และในส่วนของงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น เป็นงบประมาณสำคัญ เพราะเหตุการณ์ภัยพิบัติ เหตุการณ์ปะทะชายแดน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซี่งงบประมาณในส่วนนี้ 98,000 ล้านบาท และปรับเพิ่มมาอีก 1,000 ล้านบาทเป็นงบประมาณที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ และงบประมาณปี 68 มีการใช้ไปแล้วประมาณร้อยละ 45 ใช้ในการเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติร้ายแรง เช่นน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ เหตุปะทะชายแดน และส่วนหนึ่งไปใช้ในส่วนของรายจ่ายของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้วแต่ไม่เพียงพอ แต่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายผูกพัน รายการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ แต่มีภารกิจเร่งด่วน เช่นการแก้ไขปัญหาพีเอ็ม 2.5 หรือรายจ่ายที่รองนายกรัฐมนตรีลงไปแก้ไขปัญหาในพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามโครงการไร่ละพัน ไม่ได้ใช้งบกลาง

ส่วนที่มีการอภิปรายถึงการเปลี่ยนแปลงงบประมาณร่ายจ่ายในปี 2568นั้น นายจุลพันธุ์ ชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่มีการร้องไปยัง ป.ป.ช.นั้น สิ่งที่สำนักงบประมาณตอบมาคือ มาตรา 144 คือการไม่ให้สส.แปรญัตติเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวน แต่อาจแปรญัตติในการปรับลดรายจ่ายที่ไม่ใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง เงินส่งการใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย ซึ่งในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เคยมีการปรับลดงบประมาณของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 3 แห่งวงเงิน 2,100 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้แตกต่างกัน และสามารถดำเนินการได้โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการปรับลดในส่วนของรายการที่รัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือสูญเสียรายได้ในการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐเป็นวงเงิน 1,100 ล้านบาท ก็ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ และชอบโดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกประการ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของป.ป.ช.ก็คงต้องปล่อยให้ตรวจสอบมีหน้าที่ดำเนินการโดยอิสระ.-312.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว กลัวกลับมาไม่ทันแถลงนโยบาย

ภูมิใจไทย 23 ก.ย. – นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่เสียโอกาสแจงเรื่องอธิปไตย เชื่อชาวโลกรู้ไทยมีนโยบายชัดเจน ยันร่างนโยบายปกน้ำเงินเสร็จแล้ว นำเข้า ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำโลก UNGA ครั้งที่ 78 ว่า ได้มีการหารือกับฝ่ายคนใหม่แล้ว ซึ่งจากการดูเวลา กลัวจะไม่ทันการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทั้งนี้ก็จะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สำคัญมีเรื่องของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ดี มีความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งไปได้และไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลง แต่แนวทางของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลนี้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีความชัดเจนที่จะบริหารสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร ส่วนจะเป็นการเสียโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่การจัดการและการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่อยู่ที่เวทีไหน เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ขณะที่ทุกฝ่ายในบ้านเรามีความพร้อม ประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายต่างๆ นโยบายของกองทัพและรัฐบาล นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่น ส่วนกรณีที่กฤษฎีกาชี้ว่า หากมีเหตุที่จำเป็น ก็ถือว่าดำเนินการได้ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจำเป็นคืออะไร อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงกับใคร เพราะประชาคมโลกก็รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว […]

เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงดับสมาชิก อบต.กรงปินัง

ยะลา 23 ก.ย. – เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงสมาชิก อบต.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าบ้านพัก อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตำรวจตั้ง 2 ปม “แค้นส่วนตัว-สร้างสถานการณ์” จากเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงนายอิสมาแอ กาแจ อายุ 61 ปี สมาชิก อบต.กรงปินัง ขณะจอดรถยนต์กระบะเตรียมเข้าบ้านพักในพื้นที่บ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตรวจสอบรอยกระสุนในตัวผู้ตายพบ 12 นัด เข้าบริเวณหน้าอกและลำตัว โดยแขนซ้าย 2 นัด และใบหน้าอีก 1 นัด เมื่อเวลา 21.22 น. ของวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เช้านี้ (23 ก.ย.) ตำรวจ สภ.กรงปินัง ลงพื้นที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบกองเลือดอยู่ใกล้รถยนต์กระบะของผู้ตาย แต่ไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งปมก่อเหตุเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ นายอาดือนัน ฮามิดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ […]

นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรง สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – ทองไทยทุบสถิตินิวไฮรอบใหม่ เปิดตลาดพุ่งพรวด 550 บาท ทองไทยแตะ 57,300 บาท ตามราคาทองโลกที่นิวไฮต่อเนื่อง นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรงกว่าคาด สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำเปิดตลาดเช้านี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.04 น. ปรับเพิ่มขึ้นทันที 550 บาท โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ 56,400 บาท ขายออก 56,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 55,273.36 ขายออก 57,300 บาท แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.49 น. ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 3 ครั้ง ทองแท่ง รับซื้อ 56,300 บาท ขายออก 56,400 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ […]

“แม่ทัพกุ้ง” รับเคยถูกทาบนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน

กองทัพบก 23 ก.ย.- “แม่ทัพกุ้ง” เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำ ปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มองเหตุพื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.เชื่อมต่อ ทภ.2 เส้นเขตแดนเดียวกัน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมร่วมร้องเพลงชาติกับเด็ก โดยพลโทบุญสิน กล่าวย้ำว่า แม้จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหารแล้ว ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ ได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้านการเมือง และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเราบอกว่าไม่ได้เล่นการเมือง เขาก็เปิดใจ พูดคุยกับเรา ยืนยันตนจะรักษาสถานภาพนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง รับว่ามีคนติดต่อเข้ามา จะให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอา มองว่าไม่ยั่งยืน นอกจากนี้พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา(RBC) ว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ตามข้อตก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)ที่ให้รือกันภายใน3สัปดาห์ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาพูดกันเอาไว้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ […]