สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จังหวัดสุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน
ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว
ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน ทั้งปืนเล็กและปืนใหญ่ตลอดการสู้รบห้าวัน

กระสุนที่ตกในพื้นที่โซนนี้ เป็นปืนใหญ่ ปืน ค. และ PG 7 ที่กัมพูชาใช้ยิงต่อต้านรถถังทหารไทย โดยยังมีพื้นที่ที่ยังไม่สำรวจจำนวนมาก เพราะอยู่ใกล้ชิดตะเข็บชายแดน ส่วนจรวดหลายลำกล้อง บีเอ็ม 21 ที่มักสร้างความเสียหายให้เป้าหมายพลเรือน มีวิถีกระสุนตกข้ามหมู่บ้านไปไกลมากกว่านี้
เหตุผลสำคัญที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาตึงเครียด ทั้งที่ 2 ฝ่าย เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก ทหารไทยทยอยเหยียบกับระเบิด ล่าสุด เป็นสิบเอกธีรพล เพียขันที ต้องสังเวยข้อเท้าซ้าย หลังลาดตระเวนใกล้ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเจ้าตัวยังขวัญกำลังใจดี และอยากให้ผู้บังคับบัญชาบรรจุลูกชายเป็น อาสาสมัครทหารพราน แทนตำแหน่งของตน
และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เข้าเยี่ยมมอบกระเช้าผลไม้และเงินบำรุงขวัญ พร้อมกล่าวแสดงความห่วงใยจากผู้บัญชาการทหารบกยังกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว พร้อมชื่นชมในความกล้าหาญ ทุ่มเทและเสียสละ ทั้งจะให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และดูแลสิทธิประโยชน์ของกำลังพลในทุกด้านอย่างดีที่สุด และย้ำเตือนให้ใช้อุปกรณ์ เข้ามาช่วยตรวจการณ์ แทนการใช้คนในพื้นที่เสี่ยงกับระเบิด เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย.-สำนักข่าวไทย