เตรียมเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งใหม่ จำหน่ายผลผลิตครบวงจรสหกรณ์ฯ คอนสาร

4 ก.ค. – สหกรณ์ฯ คอนสาร รุกธุรกิจบริการ เตรียมเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งใหม่ต่อยอดจากของเดิม จำหน่ายผลผลิตครบวงจร


เคยประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก เกือบหลับแต่กลับมาได้ สำหรับสหกรณ์การเกษตรคอนสาร จำกัด หมู่ 3 ต ตำบล ดงบัง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ครอบคลุมสมาชิกในพื้นที่ 4 อำเภอใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ (ที่ตั้งสำนักงาน) อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ อ.ภูผาม่าน และ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จนกลายเป็นสหกรณ์แถวหน้าคว้ารางวัลระดับประเทศมาแล้วมากมาย ทั้งรางวัลการประกวดผลงานการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปี 2561 หรือล่าสุดคว้ารางวัลดีเด่นระดับ 5 ในโครงการเลิศรัฐ ประเภทร่วมใจแก้จน ประจำปี 2566 จากผลงาน “สร้างรายได้ ขายผลผลิต พิชิตความจน คนสหกรณ์คอนสาร” ส่งเข้าประกวดโดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ

“ตอนนี้มันดีขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้อัตคัดขัดสนไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเกษตรกรชำระหนี้ไม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ” อัมพร เดชพรม ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรคอนสาร จำกัด เผยถึงสถานภาพทางการเงินสหกรณ์ฯ ช่วงวิกฤติที่ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ก่อนที่จะแก้ปัญหาด้วยการกู้เงิน ธ.ก.ส. จำนวน 15 ล้านบาท เมื่อปี 2538 มาเสริมสภาพคล่องและจัดซื้ออุปกรณ์การตลาดได้แก่ โรงสี ไซโล โกดังลานตาก เพื่อเก็บผลผลิตของสมาชิก ที่ส่วนใหญ่ปลูกอ้อย ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และถั่วเหลือง ซึ่งช่วงนั้นราคาผลผลิตเกือบทุกตัวค่อนช้างดี ทำให้สมาชิกมาชำระหนี้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งชำระเงินกู้ธ.ก.ส.จนหมดในอีก 3 ปีต่อมา จากนั้นจึงขายไซโลและโรงสีทิ้งไป เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดูแล เก็บไว้เฉพาะโกดังและลานตาก


“พอชำระหนี้ ธ.ก.ส.หมด เราก็ขายไซโลกับโรงสีออกไปเลย เพราะผลผลิตไม่มี แต่ต้องดูแลมีค่าใช้จ่ายเลยขายดีกว่าเอาเงินมาทำอย่างอื่น ตอนนั้นขายได้เงินมาแค่ล้านเดียว เหลือแต่โกดังและลานตากไว้เก็บผลผลิตสมาชิก”ผู้จัดการสหกรณ์ฯคอนสารเผย จากนั้นจึงได้ทำการขอกู้เงินจากกรมส่งเสริมสหกรณ์โดยผ่านกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อนำมาให้สมาชิกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นทุนในการประกอบอาชีพผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แต่ส่วนใหญ่จะทำการกู้ปีต่อปีหรือตามวงรอบผลผลิต ส่วนระยะยาวนั้นมักจะกู้เพื่อจัดซื้อที่ดินทำกิน เครื่องจักรขนาดใหญ่และปลูกสร้างที่อยู่อาศัย เป็นหลัก

“เราส่งเสริมเกือบทุกอาชีพพีชผักสมุนไพร ปศุสัตว์ มีวัว หมู ไก่พื้นเมือง ไก่ไข เป็ด มีเงินให้กู้ตามอายุสัตว์อายุพืช อัตราดอกเบี้ยนมีให้เลือกหลากหลาย บางโครงการต่ำร้อยละบาท บางโครงการก็ไม่มีดอกเบี้ย ระยะเวลากู้ 3 เดือน 6 เดือน 8 เดือน 12 เดือน ถ้ากู้ระยะยาวก็ร้อยละ7 เราเป็นลูกหนี้ที่ดีของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เราใช้สินเชื่อทุกอย่างที่กรมฯมี ถ้าเงินไม่พอก็ใช้เงินของสหกรณ์เองใส่เข้าไป” อัมพร ระบุ

ส่วนการตลาด เธอย้ำว่าไม่มีปัญหา สหกรณ์จะเป็นผู้ดูแลและรวบรวมผลผลิตของสมาชิกทั้งหมดเพื่อส่งต่อให้กับผู้ประกอบการ พ่อค้าทั้งในและนอกพื้นที่ ตลอดจนโรงงานแปรรูปอ้อย โดยจะมีการซื้อ-ขายในราคาที่เป็นธรรม ส่วนหนึ่งก็จะนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าเอง โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ 105 และข้าวเหนียว ภายใต้แบรนด์”รุ้งงาม” โดยข้าวหอมมะลิ 105 สนนในราคาจำหน่ายถุงละ 170 บาทต่อ 5 กิโลกรัม ส่วนข้าวเหนียว 160 บาทต่อ 5 กิโลกรัม


“เรื่องการตลาด สหกรณ์จะดูแลทั้งหมด อ้อยเราดิวกับทางโรงงานโดยตรง เรามีสัญญาลูกไร่แต่ละโรงงาน ส่วนข้าวเราก็นำมาแปรรูปเอง มีโลโก้สหกรณ์การเกษตรคอนสารตรารุ้งงาม ความหมายมาจากแสงปะทะท้องทุ่งนาสวยงามเป็นสายรุ้งกลางทุ่งนา”

จากความสำเร็จในธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจรวบรวมผลผลิต และก้าวมาสู่ธุรกิจบริการ ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์ มีทั้งปั๊มน้ำมันและซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นของตัวเองไว้สำหรับให้บริการสมาชิกกว่า 2,000 ราย ปัจจุบันสหกรณ์ฯ คอนสาร มีสินทรัพย์กว่า 600 ล้านบาท มีเงินฝากสมาชิก 300 ล้านบาท และมีสัดส่วนเงินกู้ที่ใกล้เคียงกัน

“อย่างสหกรณ์ฯ ชุมแพ ไม่มีธุรกิจบริการ ลูกค้าเขาเอาแต่สินเชื่ออย่างเดียว ส่วนภูผาม่านกับน้ำหนาวไม่มีสหกรณ์ในพื้นที่ เกษตรกรจึงมาเป็นสมาชิกสหกรณ์เรา เพราะเขามีความเชื่อมั่นใจในสหกรณ์เรา ถึงแม้ระยะทางจะไกลหน่อยก็ยอม”

ผู้จัดการสหกรณ์ฯ คอนสาร ย้ำว่า ปัจจุบันสหกรณ์มารุกธุรกิจบริการมากขึ้น ขณะนี้ได้สร้างอาคารซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่ต่อยอดมาจากของเดิม โดยมีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้นเพื่อนำผลผลิตการเกษตรของสมาชิกและสินค้าแปรรูปของสหกรณ์วางจำหน่าย โดยใช้เงินของสหกรณ์ในการก่อสร้างอาคารและได้ทำการขอกู้เงินจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ผ่านกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.)จำนวน 5 ล้านบาท ใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการจัดหาซื้อสินค้ามาจำหน่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของคณะกรรมการ กพส.

“ปัจจุบันเรามีเงินฝากสมาชิกประมาณ 300 ล้าน กู้กับฝากมีสัดส่วนเท่า ๆ กัน เพราะเราบังคับสมาชิกทุกคนต้องฝาก เงินกู้กรมฯ 5 ล้านตอนนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องขอกู้เพื่อเอามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในซูเปอร์มาเก็ตยังไม่ได้รับอนุมัติ รออยู่ค่ะ ส่วนอาคารหลังใหม่เพิ่งทดลองเปิดใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รอท่านอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์มาเป็นประธานเปิดอย่างเป็นทางการ” อัมพร เดชพรม ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรคอนสาร จำกัด กล่าวทิ้งท้าย

นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จของสหกรณ์การเกษตรคอนสาร จำกัด ที่บริหารงานภายใต้ธีม “สร้างรายได้ ขายผลผลิต พิชิตความจน คนสหกรณ์คอนสาร” ในการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรสมาชิกโดยรวม และเป็นแบบอย่างให้กับสหกรณ์การเกษตรอื่นได้เป็นอย่างดี.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย