กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งล่าคนร้ายยิงถล่มกลางงานแต่งย่านสุทธิสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน ล่าสุดมีการเปิดเผยคลิปก่อนและหลังยิงในงานแต่ง พ่อของเจ้าสาวระบุเจ้าบ่าวเชิญเพื่อนมาสังสรรค์
จากกรณีคนร้ายยุกยิงถล่มกลางงานแต่งงานที่บ้านหลังหนึ่งในซอยสุทธิพงศ์ 1/1 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย เขตดินแดง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.)
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์ ขณะร่วมงานเลี้ยงงานแต่งงาน โดยมีพยานที่ร่วมงานคนหนึ่งเล่าว่าก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน มาวนเวียนก่อนจะก่อเหตุ และจอดบริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ และมี 1 คนในนั้นลงจากรถควักอาวุธปืนยิงเข้ามายังภายในงานที่ทางฝั่งเจ้าบ่าวนั่งกินกับเพื่อน โดยที่ไม่มีการพูดจากัน จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงปืนดัง ไม่คิดว่าจะมีการยิงกันเกิดขึ้นในบ้านงานแต่งงาน คาดว่าต้องมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ แล้วตามมายิงในงาน
ภายในงานเพื่อนกลุ่มเจ้าบ่าวมาเยอะมาก เชื่อว่าคนภายในต้องรู้กัน มีการชี้เป้าไว้แล้ว เพราะเมื่อลงจากรถพุ่งเป้ายิงไปทางกลุ่มผู้บาดเจ็บทันที ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาขอชาร์จแบตมือถือ แล้วพูดว่า “พวกพี่ไม่เกี่ยวนะ” จากนั้นไม่นานมีคนเข้ามากราดยิงตรงกลุ่มผู้บาดเจ็บ คาดว่าเพื่อนเจ้าบ่าวต้องรู้จักกลุ่มที่ขับรถมาวนดูก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนเจ้าบ่าวมานั่งกินอยู่ที่นี่ก่อนแล้วครั้งหนึ่ง และมีการพูดคุยถึงเรื่องเขม่นกับคู่อริ
นอกจากนี้ยังมีพยานที่อยู่ในบ้านงานระบุว่า ตอนเกิดเหตุต่างตกใจวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น และยังตั้งข้อสังเกตว่าก่อนจะเกิดเหตุนั้นมีกลุ่มเพื่อนของเจ้าบ่าวไปจอดรถเหมือนคอยเฝ้าสังเกตภายในซอยก่อนจะถึงบ้านที่เกิดเหตุ เหมือนรู้ว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีมาก่อเหตุปั่นป่วนในงานแต่งงานครั้งนี้ กระทั่งหลังจากจัดงานแต่งงานเสร็จยังมีการกินเลี้ยงกันอยู่ถึงช่วงเย็น ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขี่ตามกันมาจอดบริเวณหน้าประตูทางเข้าที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายประมาณ 2 คน ลงมาก่อเหตุแล้วหลบหนีไป ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที
ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่มผู้บาดเจ็บเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานกินเลี้ยงฉลองแต่งงาน ซึ่งเป็นนักศึกษาและอดีตนักศึกษาสถาบันอาชีวะชื่อดัง
ด้านพลตำรวจตรีโชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า จากการสอบถามเจ้าบ่าว ยืนยันว่าไม่มีเหตุโกรธเคืองกับใคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้มาร่วมงานหรือไม่ ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างสถาบันนั้น ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ เพราะเจ้าบ่าวจบการศึกษามานาน 2 ปี แล้ว โดยการยิงเป็นลักษณะยิงสาด ไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงใคร ขอเวลาในการสืบสวนติดตามและไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางของคนร้าย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
เปิดคลิปวงจรปิดก่อนและหลังยิงกลางงานแต่ง
คลิปจากกล้องวงจรปิดก่อนและหลังเกิดเหตุ ภาพชุดแรกเป็นกล้องวงจรปิดช่วงก่อนเกิดเหตุ ระบุเวลาประมาณ 16.31 น. ของวันเกิดเหตุ กล้องจับภาพคนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยายนต์ 2 คัน คันแรกคนขับสวมแจ็กเก็ตสีเขียว ส่วนคนซ้อนสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ทับด้วยกั๊กสีเขียวสะท้อนแสง ขี่จักรยานยนต์สีดำ ส่วนคันที่ 2 ทั้งคนขับและคนซ้อนสวมเสื้อคลุมแจ็กเก็ตสีครีม หมวกกันน็อกสีขาวและสีดำ ขับผ่านที่เกิดเหตุเข้ามาในซอย ลักษณะคล้ายมาดูลาดเลา
ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 กล้องในจุดเดิมระบุเวลา 16.47 น. ของวันเกิดเหตุ เป็นช่วงที่คาดว่าคนร้ายจะลงมือยิง โดยคนร้ายคันแรกที่สวมเสื้อแจ็กเก็ตเขียวขับเข้ามาจอดรอคนร้ายอีกคัน จากนั้นมีการพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่คนร้ายคันที่สวมแจ็กเก็ตเขียวจะวกรถกลับไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อยิงกลุ่มผู้บาดเจ็บ โดยคนร้ายคันที่สวมแจ็คเก็ตสีครีมจอดรออยู่สักประมาณ 3-4 วินาที คนร้ายที่จอดรอก็ขับรถตามมือยิงออกไป
ส่วนเหตุการณ์ที่ 3 เป็นช่วงหลังเกิดเหตุ คนร้ายขับรถออกไปจากซอยที่เกิดเหตุ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุทธิพงษ์ 1 ก่อนจะไปเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ซอยสุทธิพงษ์ 1/7 เพื่อออกไปบยังถนนรัชดา บริเวณร้านบุญถาวร ภาพจากกล้องนี้จะอยู่บริเวณถนนรัชดา สามารถจับภาพคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ สวมแจ็กเก็ตสีเขียว
พ่อเจ้าสาวเผยเจ้าบ่าวเชิญเพื่อนมาสังสรรค์
ด้านพ่อฝั่งเจ้าสาว เผยกับทีมข่าวว่าในวันเสาร์ (13 ส.ค.) ก่อนงานแต่ง ทางฝั่งเจ้าบ่าวมีการชวนกลุ่มเพื่อนมากินสังสรรค์ทั้งรุ่นพี่-รุ่นน้อง และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย มากันประมาณ 50 คน นั่งดื่มกินกันตามปกติ กระทั่งวันจัดงานแต่ง (14 ส.ค.) เจ้าบ่าวชวนเพื่อนมาอีกประมาณ 50 คน รวมเป็นประมาณ 100 คน นั่งกินกันอยู่ที่ห้องเก็บของฝั่งตรงข้ามออฟฟิศของตนตั้งแต่เช้า จนเกิดเหตุยิงกระหน่ำขึ้น
เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ปมเหตุไม่ได้เกิดขึ้นจากทางเจ้าบ่าว เพราะเรียนจบมาแล้ว 2 ปี และเป็นการกราดยิง คาดเกิดจากความขัดแย้งของพวกรุ่นน้องที่มาร่วมงานที่ยังเรียนอยู่ที่สถาบันดังกล่าว อาจเคยไปทะเลาะวิวาทกับต่างสถาบัน จนเป็นเหตุให้คู่อริต่างสถาบันกลับมาล้างแค้น.-สำนักข่าวไทย