กรุงเทพฯ 13 ธ.ค.-โฆษกกระทรวงกลาโหม เผย พล.อ.ประวิตร เยือนจีน แจงความจำเป็นในการขับเคลื่อนการปฏิรูปและวางรากฐานประเทศ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ-สร้างความเป็นธรรมในสังคม ยืนยันความร่วมมือกับจีนในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายหนองคาย-กทม. คาดเริ่มดำเนินการต้นปี 60 พร้อมชวนจีนร่วมฝึก Cobra Gold-ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ทางทหารในไทยด้านนายกฯ จีนแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของรัชกาลที่ 9
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2559 ณ กรุงปักกิ่ง ว่า พล.อ.ประวิตร และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคำนับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ณ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวในนามของรัฐบาลจีนและประชาชน แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้นได้หารือสานต่อความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ขยายสู่ความเป็นรูปธรรมร่วมกัน ทั้งด้านการท่องเที่ยว การคมนาคม ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องขับเคลื่อนการปฏิรูปและวางรากฐานประเทศ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางสังคม โดยใช้กลไกและการบังคับใช้กฎหมายทางสังคมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องสร้างมาตรฐานความถูกต้องและเป็นธรรมแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยรวมแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและต่างประเทศที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ขณะเดียวกันได้พยายามเสริมสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตรและวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งรองรับ
“พล.อ.ประวิตร ได้ยืนยันความร่วมมือกับจีนในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟ สายหนองคาย-กทม. ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 60 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการขยายความร่วมมือขนส่งสินค้าการเกษตรระหว่างกัน และสามารถสอดรับกับยุทธศาสตร์ One Belt One Road ของจีน ควบคู่กับการเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนของจีนในการพัฒนาขยายโครงข่ายความเชื่อมโยงทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่สามารถใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุนและการติดต่อสื่อสารของอาเซียน ในการขยายความเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้นายหลี่ เค่อเฉียง ได้แสดงความขอบคุณถึงพัฒนาการแนวทางความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันที่ผ่านมา และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ประชุมหารือผลักดันความร่วมมือกันโดยเร็ว พร้อมทั้งแสดงความเข้าใจถึงความจำเป็นที่ไทยต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิ์ที่เป็นธรรมและประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนร่วมกัน โดยยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเป็นอันดับหนึ่งของความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีน สำหรับความร่วมมือในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายหนองคาย-กทม. คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้โดยเร็ว ด้วยความพยายามของทั้งสองฝ่าย จีนยินดีที่จะขยายความร่วมมือด้านสินค้าการเกษตรกับไทย ขณะเดียวกัน ก็พร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทย ทั้งด้านยาเสพติด การก่อการร้าย อาชญกรรมข้ามชาติ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ พร้อมทั้งขอฝากความปรารถนาดีมายัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้มีโอกาสพบและพูดคุยกันหลายครั้งที่ผ่านมา
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ฉาง ว่านฉวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันถึงการขยายความร่วมมือทางทหารระหว่างสองประเทศให้มีขอบเขตครอบคลุมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น
“ในโอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เสนอความเป็นไปได้ถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ที่ประสงค์ให้จีนสนับสนุนการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ทางทหารในไทย พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีและขีดความสามารถในการพัฒนาและดูแลอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในจีนที่มีประจำการในประเทศไทยและภูมิภาค พร้อมกับเชิญชวนและเสนอให้จีนพิจารณาความพร้อมในการเข้าร่วมฝึก Cobra Gold ผ่านความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และความร่วมมือทางการแพทย์ทหาร ขณะเดียวกันได้แสดงถึงความพร้อมของกระทรวงกลาโหมไทยที่จะทำหน้าที่ร่วมกับจีนในฐานะประธานร่วมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายภายใต้กรอบการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน และ รมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจาในวงรอบ ปี 60-62” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.ต.คงชีพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีนได้กล่าวแสดงความขอบคุณ และพร้อมสนับสนุนให้กองทัพของทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางทหารในสาขาต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยเสนอให้มีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน 3 ประการ ได้แก่ 1.ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับต่าง ๆ 2.ความร่วมมือในการฝึกร่วม ทั้งทวิภาคี ไตรภาคี และพหุภาคี และ 3.ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ พร้อมทั้งแสดงท่าทีเชิงบวกและการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อข้อเสนอของไทยทุกเรื่อง โดยเฉพาะการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ทางทหารในไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในจีนที่มีประจำการในไทยและภูมิภาค โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งคณะทำงาน ประสานงานและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ผ่านกลไกทางการทูตทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.คงชีพ กล่าวด้วยว่า จากนั้น พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ นายเมิ่ง เจี้ยนจู้ง สมาชิกกรมการเมือง หัวหน้าคณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมาย คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ณ ที่ทำการ จงหนานไห่ โดยได้แลกเปลี่ยนหารือกันถึงความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญกรรมข้ามชาติ ระหว่างไทยกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่สามารถสร้างความเสียหายทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงได้เป็นวงกว้าง.-สำนักข่าวไทย