กรุงเทพฯ 9 พ.ย.- แพทย์รพ.เลิดสิน เตรียมออกใบรับรองแพทย์ ให้ตร.ประกอบการพิจารณาตั้งข้อหา ทำร้ายร่างการบาดเจ็บสาหัส อดีตพิธีกรดัง หลัง คู่กรณีดั้งจมูกหัก ต้องใช้เวลารักษามากกว่า1เดือน ขณะที่มารดาคู่กรณีประกาศ ไม่รับการขอโทษ และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ด้านเจ้าตัวลั่นอยากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน เปิดเผยว่า จากการเอ็กซเรย์ใบหน้าและโพรงจมูกด้วยคอมพิวเตอร์ นายกิตติศักดิ์ หรือ บอย สิงโต พบว่า กระดูกโพรงจมูกด้านซ้ายหัก แตกละเอียด แพทย์ได้ทำการผ่าตัดโดยไม่เปิดแผล และวางยาสลบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งหลังจัดกระดูก แพทย์ใช้อุปกรณ์ค้ำในโพรงจมูก ซึ่งการผ่าตัดไม่พบปัญหา คาดว่าจมูกจะกลับเข้าที่เหมือนเดิมภายใน1เดือน ทั้งนี้เบื้องต้นยังไม่พบอาการแทรกแซงของบาดแผล และอาการบาดเจ็บที่ลึกกว่าโพรงจมูก มีเพียงรอยฟอกช้ำ ซี่งแพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนใบรับรองแพทย์สามารถออกได้ทันทีที่พนักงานสอบสวนต้องการ ซึ่งยืนยันว่าการรักษาต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า1เดือน ยืนยันว่าเป็นการรักษาตามข้อเท็จจริง
ด้านนางสาวสุธิรา หงษ์ทอง มารดาของนายกิตติศักดิ์ ยืนยันสาเหตุที่ต้องแจ้งความกับคู่กรณี เนื่องจากรับไม่ได้หลังเห็นคลิป แม้ว่าก่อนหน้านี้นายน็อต อัครณัฐ จะเคยขอโทษ เปรียบเหมือนเทพบุตร แต่หลังดูภาพจากคลิป เห็นว่าการกระทำเหมือนซาตาน จึงคิดว่าหากมีมีดหรือปืน จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย ซึ่งขอแจ้งความ ยืนยันไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง อีกทั้งในวันเกิดเหตุ น็อตมีการอัดเสียงในช่วงที่เข้ามาขอโทษ และลูกชายกล่าวให้อภัยไป เมื่อมาทราบภายหลังจึงเห็นว่าคู่กรณีไม่มีความจริงใจในการขอโทษ ทั้งนี้ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดและจะไม่รับการขอโทษหรือสิ่งของใดๆ
ด้านนายกิตติศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาขับรถหลบหนี เพราะทันทีที่ทราบว่ารถเฉี่ยวชน และมีคนตะโกนบอกจึงวนรถกลับมาดูเหตุการณ์ แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกทำร้ายร่างกายและถูกสั่งให้กราบรถ พร้อมยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุ มีรถแท็กซี่มาชนรถจักรยานยนต์ตนเอง ทำให้รถเสียหลักไปชนรถมินิ ซึ่งตนเองจดจำทะเบียนรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้ ทั้งนี้อยากให้คดีสิ้นสุดโดยเร็ว เพราะอยากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ด้านนายสงกานต์ อัจริยะทรัพย์ ทนายความ ระบุว่าหลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานเอกสาร และคลิปวีดีโอ ส่งให้พนักงานสอบสวน เบื้องต้นมั่นใจว่า คดีนี้จะนำไปการตั้งข้อหา ทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุก 5-7 ปี / ส่วนที่คู่กรณีแจ้งข้อหากลับว่านายกิตติศักดิ์ทำให้เสียทรัพย์ เชื่อว่าไม่เข้าข่ายความผิด เพระาเป็นอุบัติเหตุรถชนกันปกติ ไม่มีเจตนาหลบหนี เนื่องจาก นายกิตติศักดิ์วกรถกลับมาดู
ส่วนหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน นอกจากนี้เตรียมประสานให้นายกิตติศักดิ์ ไปทำแผนพิพาทในคดี เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย