กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – ตำรวจนครบาล 3 เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด บนถนนรามอินทรา หาเส้นทางการก่อเหตุและหลบหนีของกลุ่มวัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ยิงกัน เมื่อวานนี้ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี แม้ยังไร้ผู้เสียหายแจ้งความ แต่ผิดกฎหมาย ไม่อาจละเว้นได้
วันที่ 2 ก.ค.65 เวลา 14.30 น. พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เรียก พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผู้กำกับการ สน.มีนบุรี และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้า รวมถึงวางแนวทางการติดตามตัววัยรุ่นก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ยิงกัน บนถนนรามอินทรา บริเวณปากซอยรามอินทรา 113 ต่อเนื่องรามอินทรา เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (1 ก.ค.) โดยมีกล้องหน้ารถของประชาชนที่ขับขี่ผ่านเส้นทางดังกล่าวสามารถบันทึกไว้ได้ ก่อนนำมาโพสต์ลงโซเชียล จนกลายเป็นกระแสขึ้นมา
ภายหลังการประชุม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด แต่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และบนถนนรามอินทรา เพื่อดูพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลในคลิป ก่อนนำตัวมาดำเนินคดี เนื่องจากถือว่าเป็นเหตุอุกอาจ ยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในละแวกนั้น รวมถึงผู้คนที่ใช้เส้นทางดังกล่าว พร้อมกันนี้ ตำรวจจะประสานไปยังแอดมินเพจ Drama-addict ที่โพสต์คลิป ให้พาเจ้าของคลิปวิดีโอมาให้ข้อมูล เบื้องต้นภาพจากกล้องหน้ารถ พบ 2 กลุ่ม กลุ่มผู้ก่อเหตุมี 2 คน รถจักรยานยนต์ 2 คัน ส่วนอีกกลุ่มเป็นผู้ถูกกระทำ มี 2 คน ขี่รถซ้อนกันมา 1 คัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ฐานยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ยืนยันอีกว่า แม้คดีนี้ไม่มีเจ้าทุกข์มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ต้องดำเนินคดีทุกรายที่ก่อเหตุ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงปล่อยไปไม่ได้ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่เห็นเหตุการณ์เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีคลิปวิดีโอ หรือภาพกล้องหน้ารถ สามารถติดต่อตำรวจ สน.มีนบุรี เพื่อใช้เป็นข้อมูลดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
ส่วนมาตรการดำเนินการหลังจากนี้ ได้สั่งการตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ทั้ง 11 สน. ให้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันการเฝ้าระวังการก่อเหตุในลักษณะนี้ให้มากขึ้น เนื่องจากในพื้นที่นครบาล 3 ถือได้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะเรื่องเด็กนักเรียนต่างสถาบันยกพวกตีกัน. – สำนักข่าวไทย