สผ.เดินหน้าโครงการ CCS มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050  

กรุงเทพฯ 8 มิ.ย.- เลขาธิการสผ. เผย กำลังเร่งขับเคลื่อนให้เกิดโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน หรือ CCS เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2065 ย้ำควรทำก่อนปี 2040 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 40 ล้านตัน


ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะหน่วยงานที่กำหนดนโยบายและแผนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศอยู่ระหว่างการทบทวนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand’s Long-Term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategy: LTS) ให้สอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ.2065 โดยจากผลการศึกษาพบว่าเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน หรือ CCS ควรถูกนำมาใช้โดยเร็วที่สุดและอย่างช้าไม่ควรเกิน ค.ศ.2040 โดยประมาณการว่า จะนำ CO2 ไปกักเก็บได้ประมาณปีละ 40 ล้านตัน CO2 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายดังกล่าว 

สำหรับ CCS เป็นกระบวนการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิต แล้วฉีดอัดก๊าซคาร์บอนร้อยละ 90 ที่ปล่อยจากแหล่งกำเนิดดังกล่าวลงสู่ใต้ดินที่ความลึกหลายกิโลเมตร (Geological formation) ซึ่งการนำคาร์บอนกลับคืนสู่แหล่งกำเนิดจะถูกเก็บไว้ไม่รั่วไหลออกมาเป็นเวลาหลายล้านปี 


ทั้งนี้การกักเก็บ CO2 ในระยะยาวเริ่มพัฒนาเป็นเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ (Commercial scale) ในปี ค.ศ.2000 โดยปัจจุบันมีการใช้งานกว่า 20 โครงการทั่วโลกทั้งในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ แคนาดา และจีน ขณะนี้ต้นทุนยังสูง แต่ทั่วโลกเร่งพัฒนาเทคโนโลยี CCS อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ต้นทุนต่ำลง

ดร.พิรุณกล่าวว่า ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าว ทส. โดยคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอนของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานอนุกรรมการ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เลขาธิการสผ. และผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เป็นฝ่ายเลขานุการ 

ล่าสุด สผ. ได้หารือร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและอบก. เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานร่วมกันเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCS ในประเทศไทย โดยจะต้องให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นหลักได้แก่ 


1. การปรับปรุงกฎ/ระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อปลดล็อกให้สามารถดำเนินโครงการได้ทันเวลา

2. การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCS เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานให้แพร่หลายยิ่งขึ้น 

3. การกำหนดรูปแบบการลงทุนที่มีความคุ้มค่าและสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน

ปัจจุบันภาคเอกชนหลายรายสนใจนำเทคโนโลยี CCS มาใช้เช่น ปตท.สผ. เริ่มศึกษาเทคโนโลยี CCS ที่โครงการอาทิตย์ในอ่าวไทยเมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นการริเริ่มดำเนินโครงการครั้งแรกในประเทศไทย ขณะนี้ได้เสร็จสิ้นการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility study) แล้วและกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาทางวิศวกรรมเบื้องต้น (Pre-FEED study) ล่าสุดกลุ่ม ปตท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCS ในรูปแบบ CCS Hub Model ของกลุ่ม โดยจะเริ่มศึกษาในพื้นที่ปฏิบัติการกลุ่ม ปตท. จังหวัดระยองและชลบุรีเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

ลุ้นผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ขณะนี้การนับคะแนนตามหน่วยต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรวมคะแนน ซึ่งในเขตเมือง ผลปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนมีคะแนนนำ แต่อำเภอรอบนอก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่หลายหน่วยเลือกตั้ง