รัฐสภา 1 มิ.ย.-สภาฯ ถก ร่าง พ.ร.บ.งบฯ66 วันที่สอง “จิราพร เพื่อไทย” ชี้ “นายกฯ” จงใจขูดรีดประชาชน หลังประมาณรายได้จากภาษี 9 หมื่นล้านบาท
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3,185 ล้านล้านบาท วันที่สอง เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.
ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายศุภชัย ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงกรอบเวลาการชี้แจงและการอภิปรายว่า ในการประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วันแรกเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา จากที่แบ่งสัดส่วนกรอบระยะเวลาการอภิปรายไว้เป็นฝ่ายครม. และส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รวม 22 ชั่วโมง และฝ่ายค้าน รวม 22 ชั่วโมงนั้น ได้ใช้เวลาการประชุมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 13 ชั่วโมง 13 นาที ทำให้ขณะนี้ครม. และพรรคร่วมรัฐบาลเหลือเวลา 15 ชั่งโมง 53 นาที ส่วนฝ่ายค้าน เหลือเวลา 15 ชั่วโมง 9 นาที ขณะที่ประธานในที่ประชุมเหลือเวลา 3 ชั่วโมง 13 นาที
โดยน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯ66 เป็นร่างกฎหมายที่ขูดรีดประชาชน เพราะรัฐบาลตั้งเป้าประมาณการรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2565 กว่า 9 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินกู้ปรับลดเหลือ 6.95 แสนล้านบาท เพื่อไม่ให้เกินเพดานที่กู้ได้ ที่ 7.17 แสนล้านบาท และมีตัวเลขกู้ที่น้อยจากปี 2565 กว่า 5,000 ล้านบาท พฤติกรรมดังกล่าว ถือว่า เอาเปรียบประชาชน เพราะรัฐบาลลดวงเงินกู้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวิจารณ์จากประชาชนว่าเป็นรัฐบาลนักกู้ที่กู้เพิ่มทุกปี แต่เพิ่มการจัดเก็บภาษีจากรัฐวิสาหกิจ ถือว่าซ้ำเติมประชาชนที่เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ
“ประมาณการรายรับ รายได้จากภาษี และรัฐวิสาหกิจ ตั้งเป้าเก็บเพิ่มขึ้น จะกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนและผู้ประกอบการโดยตรง โดยตั้งเป้าภาษีนิติบุคคล 6.7แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9หมื่นล้านจากปี 2565 ซึ่งมีคำถามว่าจะเก็บจากใคร บริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทขนาดเล็ก แต่หากรัฐบาลระบุว่าจะจัดเก็บได้ตามเป้าแน่นอน ขอตั้งข้อสังเกตว่า การจัดเก็บภาษี 80% มาจากบริษัทขนาดใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลอาจมีการทำโครงการเพื่อเอื้อให้บริษัทขนาดใหญ่มีรายได้เพื่อจ่ายภาษีตามเป้า โดยละเลยการสนับสนุนบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี และหากรัฐบาลทำได้ไม่ตามเป้ากรรมอาจตกมายังกลุ่มเอสเอ็มอี” น.ส.จิราพร กล่าว
น.ส.จิราพร ยังอภิปรายว่า รัฐบาลหารายได้จากการเรียกเก็บภาษีจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการเก็บภาษีจากรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น 5% ไม่ผิด แต่สิ่งที่ทำผิด คือ ปล่อยให้รัฐวิสาหกิจขูดรีดประชาชน เช่น การขึ้นค่าไฟ ค่าน้ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลหาเงินไม่เป็น ใช้เงินมือเติบ ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่า ฝ่ายค้านวิจารณ์ไม่มีอะไรใหม่ ดังนั้นขอให้ทำความเข้าใจว่ารัฐบาลทำงบประมาณด้วยโครงสร้างแบบเดิม ไม่มีทิศทาง หากจะเปลี่ยนแค่ปีงบประมาณเท่านั้น
น.ส.จิราพร กล่าวด้วยว่า ฝั่งรัฐบาลกล่าวหาพรรคฝ่ายค้านเล่นการเมืองไม่รับร่างพ.ร.บ.งบฯ66 แต่ตนมองว่าหากรับร่างพ.ร.บ.งบฯ66 จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะช่วง 8 ปี พบว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ สร้างรายได้ไม่เป็น ใช้เงินไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่วางรากฐาน เมื่อต้องการสร้างรายได้ จึงรีดภาษีให้มากขึ้น ขณะที่ประชาชนลำบาก หากปล่อยให้ผ่าน วิกฤตจะวนซ้ำซาก ไม่เห็นอนาคตของประเทศ ดังนั้นขอให้ร่างพ.ร.บ.งบฯ 66 ตกไป และให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งประชาชนมาทำงบประมาณเพื่อคืนความหวังให้คนไทย.-สำนักข่าวไทย