กรุงเทพฯ 24 มี.ค. – นักวิชาการชาวกัมพูชาและเวียดนามเผยการเข้าร่วมอาเซียน ช่วยให้เศรษฐกิจทั้งสองชาติเติบโตอย่างก้าวกระโดด การเมืองมีเสถียรภาพ และเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก
ในการเสวนาหัวข้อ “อาเซียนปีที่ 50 : มองอดีต ก้าวสู่อนาคต” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน TU-ASEAN International Conference 2017 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศ.ชาป โสธริต ผู้อำนวยการด้านการวิจัยของสถาบันความร่วมมือและสันติภาพกัมพูชา กล่าวว่า นับตั้งแต่กัมพูชาก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 2542 เศรษฐกิจของกัมพูชาก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตของจีดีพีต่อปีเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 7 สามารถก้าวข้ามจากประเทศรายได้ต่ำสู่รายได้ปานกลาง เนื่องจากอาเซียนช่วยนำกัมพูชาเปิดประตูสู่ตลาดโลก ทำให้การลงทุนจากต่างชาติ รวมทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านความมั่นคงของอาเซียน ยังช่วยให้กัมพูชาปลอดจากภัยคุกคามทุกด้าน การเมืองมั่นคงจนเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก จากที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นชาติล้มเหลวในยุคสงครามเย็น
ในขณะที่ ผศ.ดร.เหงียน ฮุย ฮวง รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา วิทยาลัยสังคมศาสตร์แห่งชาติเวียดนามระบุว่า แม้เวียดนามจะเคยมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งกับอาเซียนมาก่อนในยุคสงครามเย็น แต่อาเซียนก็อ้าแขนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 2538 ที่ผ่านมานโยบายด้านการต่างประเทศของเวียดนามให้ความสำคัญกับอาเซียนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมั่นคงและสันติภาพ รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือด้านการค้า จนอาเซียนก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับต้นๆ ของเวียดนาม อีกทั้งยังช่วยให้เวียดนามมีช่องทางการค้ากับตลาดโลกมากขึ้น เศรษฐกิจเวียดนามจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนเป็นที่น่าจับตามอง
ทั้งนี้ นักวิชาการทั้งสองชาติมีความเห็นสอดคล้องกันว่า โอกาสและอนาคตของทั้งสองชาติในอาเซียนจะยังคงสดใสต่อไป อย่างไรก็ตาม แต่ละชาติยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญร่วมกันอีกหลายประการ โดยเฉพาะการก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง และการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้.-สำนักข่าวไทย