กรุงโตเกียว 26 พ.ค.- นายกฯ ย้ำ ทุกประเทศต้องร่วมฟื้นฟูผลกระทบจากสงครามตั้งแต่ตอนนี้ อย่ารอสงครามจบ ขอญี่ปุ่นนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาลงทุน ไม่ทิ้งอาเซียนไว้ข้างหลัง
“สุธิดา ปล้องพุดซา” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ติดตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม 2565 รายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในการประชุม Nikkei Forum ครั้งที่ 27 ถึงสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า เวลานี้ต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสันติ และทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน รวมถึงจะทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย เพราะประชาชนมีค่า ซึ่งในฐานะที่เราเป็นอาเซียน ไม่เคยขัดแย้งกับใครมาก่อน แต่ก็พร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีต่างๆ ตามหลักสากลของสหประชาชาติ และที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งเงินและสิ่งของกับผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากสงคราม พร้อมกันนี้ ก็ดูแลคนในประเทศของตนเองด้วย
“สิ่งที่นานาประเทศและตนเองคาดหวัง คือทำอย่างไรให้สงครามยุติ จึงต้องหาต้นตอของปัญหาให้เจอ และหาวิธีการแก้ไข เพราะไม่มีใครอยากให้บานปลาย ซึ่งจะทำลายห่วงโซ่อุปทานของคนทั้งโลก ดังนั้นต้องร่วมกันฟื้นฟูตั้งแต่เวลานี้ ไม่ใช่รอให้สงครามยุติไปแล้ว” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 2022 ว่า ไทยได้เตรียมการล่วงหน้าเกือบ 2 ปี พร้อมนำประสบการณ์จากการเป็นเจ้าภาพปี 2003 มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน ย้ำว่าในฐานะที่ไทยเป็นประเทศเล็กๆ และเป็นหนึ่งในอาเซียน จึงมุ่งเน้นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ พร้อมขอความร่วมมือทุกประเทศร่วมแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน
“ในเวทีเอเปคยังมีประเด็นสำคัญที่จะหารือร่วมกัน คือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักไปกว่า 2 ปี ซึ่งทุกประเทศจะต้องประสบปัญหาเดียวกัน แต่ก็ย้ำว่า ไทยมีความเข้มแข็ง สามารถอยู่ได้แน่นอน แต่ประเทศเล็กๆ ไม่สามารถอยู่ได้ และตนเองให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด และให้ทุกประเทศกลับมาเชื่อมโยงกันอีกครั้ง” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ว่าการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในสถานการณ์โควิดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ส่วนตัวมองว่า การพบปะเจอหน้ากันเป็นเรื่องที่ดีกว่า พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยและอาเซียนอยู่ในทุกพันธะสัญญา ดังนั้น เชื่อว่าเสียงของอาเซียนจะดังพอทำให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย และไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ซึ่งตนเองเคยหารือกับผู้นำหลายประเทศถึงการหาทางออกให้เกิดความสงบ และนี่ก็เป็นการแสดงความจริงใจของตนเอง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคาดหวังจากรัฐบาลญี่ปุ่น และภาคธุรกิจญี่ปุ่นว่า อยากให้ญี่ปุ่นนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาลงทุนให้มากขึ้นในภูมิภาค ซึ่งจะสร้างความเติบโตทางอุตสาหกรรมให้กับญี่ปุ่นด้วย ขออย่าทิ้งอาเซียนไว้ข้างหลัง พร้อมขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่จัดตั้งศูนย์โรคอุบัติใหม่ในภูมิภาคอาเซียน และขอบคุณที่ให้ไทยเป็นหนึ่งใน 4 ประเทศได้เข้ามาท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปทัวร์ในเวลานี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย