พรรคเพื่อไทย 24 พ.ค.- “เพื่อไทย” ชี้ 8 ปีรัฐบาลมีแต่ความเสื่อมถอย “จิราพร” ระบุ จัดเอเปค ส่อเค้าล้มเหลว ระบุพปชร.ไม่ทำตามที่หาเสียง มือไม่ถึง ควรสละอำนาจ
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นำโดย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าว “8 ปีแห่งความเสื่อมถอย” “เพื่อไทย เพื่ออนาคตที่สดใสของประเทศไทย” โดยนายพิชัย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบแลนด์สไลด์ หรือแบบถล่มทลาย ซึ่งหวังว่าผลจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ชาวกทม.ส่วนใหญ่แสดงชัดเจนว่าไม่เลือกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะนำมาสู่การชนะแบบแลนด์สไลด์ให้กับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
“แสดงให้เห็นว่าประชาชนเบื่อหน่ายกับคำแก้ตัวซ้ำ ๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อ้างว่าต้องทำรัฐประหารเข้ามาเพราะต้องแก้ไขความวุ่นวายและเพื่อให้เกิดความสงบ ทั้งที่คนที่สร้างความวุ่นวายคือคนที่ได้ดิบได้ดีและอยู่รอบตัวพล.อ.ประยุทธ์ทั้งนั้น รวมถึงบางคนที่ถูกประชาชนลงโทษให้สอบตกจากผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ด้วย” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนทนไม่ไหวและรับไม่ได้แล้วกับความเสื่อมถอยทุกด้านของประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจจะชัดเจนที่สุดเพราะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่พิสูจน์ได้ ไม่ใช่แค่วาทกรรม การบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยต่ำเตี้ยมาตลอด 8 ปีทำให้รายได้ของประชาชนหดหาย หนี้สินล้นทะลัก ทั้งหนี้สินประเทศ หนี้สินภาคครัวเรือน หนี้ภาคธุรกิจ หนี้เสียธนาคาร หนี้นอกระบบพากันพุ่งกระฉูด และยังไม่แนวโน้มลดลง คนตกงานเพิ่มขึ้นหลายล้านคน อีกทั้งคนจนเพิ่มขึ้นทุกปีตลอด 8 ปี จนต้องแจกบัตรคนจนมากถึง 20 ล้านใบ
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะที่ความสามารถแข่งขันของประเทศลดลง ถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้ากันแล้ว เช่น ลาว กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางราง หลังจากรถไฟความเร็วสูง จีน-ลาวเสร็จ ศูนย์กลางผลิตรถยนต์สมัยใหม่ย้ายไปอินโดนิเซีย ศูนย์กลางผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปอยู่ที่เวียดนาม และไทยกลายเป็นเมืองขึ้นทางเทคโนโลยีสมัยใหม่เพราะไม่พัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่หรือยูนิคอร์น อีกทั้งความเหลื่อมล้ำของไทยเพิ่มมากขึ้นจนติดอันดับโลก
“รัฐบาลปล่อยให้เจ้าสัวผูกขาดควบรวมกิจการ ทั้งการควบรวมแมคโคร-โลตัส และการควบรวม ทรู-ดีแทค รวมถึงการให้คนบางกลุ่มมีอิทธิพลทางธุรกิจพลังงาน ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ถูกปิดกั้นในการพัฒนาขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในอนาคต และการคอรัปชั่นที่พุ่งสูงขนาดองค์การระหว่างประเทศยังจัดอันดับทุจริตของไทยแย่ลง 5 ปีติดกัน จากอันดับ 96 ในปี 2560 มาเป็นอันดับ 110 ในปี 2564” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า ด้านสังคมก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน คนรุ่นใหม่ถูกปิดกั้นทางความคิด ถูกดำเนินคดี และอยากย้ายประเทศเป็นล้านคน ในขณะที่ความเสื่อมถอยทางการเมืองเหมือนย้อนยุค 30 ปี ที่มีสว. 250 คน มาโหวตนายกฯ พรรคการเมืองอ่อนแอมีพรรคเล็กพรรคน้อยมากมายมาต่อรองผลประโยชน์
“8 ปีที่ผ่านมาปัญหาทั้งหมดเกิดมาจากความต้องการที่จะรักษาอำนาจของผู้นำ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ นี่เป็นสาเหตุที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าผู้นำต้องไม่อยู่เกิน 8 ปีจากปัญหานี้ ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ อย่าดันทุรังอีกเลย ประชาชนได้แสดงความต้องการชัดเจนแล้วว่าอยากเปลี่ยนผู้นำขอให้มั่นใจได้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางฟื้นเศรษฐกิจชัดเจน โดยเสนอแนวคิดมาตลอด และขอให้มั่นใจได้ว่า “เพื่อไทย เพื่ออนาคตที่สดใสของประเทศไทย” นายพิชัย กล่าว
น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด และ กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกครั้งที่รัฐประหาร มักจะอ้างความสุขของประชาชน แต่กลับทำลายนโยบายดี ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งหากจำกันได้ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์รัฐประหารเข้ามา พยายามจะล้มโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่นโยบายดังกล่าวได้รับรางวัลจากสหประชาชาติ จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเลิกได้ แถมกลับไปเอาหน้าเอาเครดิตที่สหประชาชาติ
“นโยบายแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนเมื่อ 10 ปีกว่าก่อน ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานความรู้ทางคอมพิวเตอร์และการเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิตอลที่มีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน แต่ก็ถูกยกเลิกจากการเข้ามาของคณะรัฐประหาร อีกทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงซึ่งเห็นได้ชัดว่าประเทศลาวได้ประโยชน์อย่างมากจากโครงการนี้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่มา 8 ปี แต่ระบบคมนาคมขนส่งของไทย โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และใช้งบประมาณเฉลี่ยสูงกว่าสมัยรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างมาก หนี้สาธารณะเพิ่มสูงกว่า 10 ล้านล้านบาทแต่ประเทศไม่ได้พัฒนาเลย” น.ส.จิราพร กล่าว
“ส่วนพรรคพปชร. ที่หาเสียงไว้ ทั้งค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนอาชีวะ 18,000 บาท ปริญญาตรี เดือนละ 20,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท มารดาประชารัฐ ฯลฯ กลับไม่ทำเลย ไม่ต่างอะไรกับเพลงเราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน แต่ปาเข้าไป 8 ปีแล้ว” น.ส.จิราพร กล่าว
น.ส.จิราพร กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC ในปลายปีนี้ส่อเค้าจะล้มเหลว เพราะยังไม่ทันไร การประชุมรัฐมนตรีการค้าจาก 21 เขตเศรษฐกิจมีความขัดแย้งสูง กลายเป็นสนามประลองกำลังของมหาอำนาจ ไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้ประเทศไทยต้องออกแถลงการณ์เองแก้เก้อ บ่งชี้ถึงศักยภาพที่อ่อนด้อยในการบริหารจัดการการประชุมนานาชาติของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งต่างจากรัฐบาลในอดีตอย่างสิ้นเชิง
“ทางที่ดีที่สุดพล.อ.ประยุทธ์ควรเลิกพยายามกระเสือกกระสนที่จะอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด เพื่อได้นั่งเป็นประธานเอเปค หวังจะกอบกู้ภาพลักษณ์ตัวเองคืน แต่ถ้ารู้ตัวว่ามือไม่ถึงก็ควรจะสละอำนาจ และให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนได้เข้ามาบริหารประเทศแทน” น.ส.จิราพร กล่าว
นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตลอด 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวในการพัฒนาดิจิตอลและด้านพลังงาน ซึ่งเป็นสองแนวทางหลักในการพัฒนาประเทศ ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสอย่างมาก และยังตัดอนาคตของคนรุ่นใหม่ ที่จะพัฒนามาเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในอนาคตได้ ส่วนด้านดิจิตอล พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้ควบรวมของผู้ประกอบการรายใหญ่เช่น ทรูและดีแทคที่จะสร้างปัญหาให้กับประชาชนในอนาคต และยังปล่อยให้ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนรั่วไหล อีกทั้งยังปล่อยให้มี Digital Harassment มี SMS และ การโทรศัพท์หลอกลวงทำให้ประชาชนโดนหลอกเสียเงินจำนวนมาก และยังไม่มีทิศทางชัดเจนเรื่องเงินดิจิตอล และ สินทรัพย์ดิจิตอล นอกจากนี้ระบบการศึกษาไม่ส่งเสริมให้ผลิตบุคคลการทางดิจิตอลที่สำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศ
นายพชร กล่าวว่า สำหรับด้านพลังงาน การจัดการข้อพิพาทในพื้นที่ที่มีก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพทำให้มีปัญหาในการนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมา และอาจจะเป็นปัญหาเหมือนกรณีเหมืองทองคิงส์เกตได้ แนวทางบริหารพลังงานของพลเอกประยุทธ์ ไม่ส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ มีแต่รายเดิม ๆ อีกทั้งการบริหารจัดการผิดพลาดไม่ได้คำนึงถึงความต้องการใช้พลังงานที่แท้จริงทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่สูงเกินจริง
“นี่เป็นเพียงบางปัญหาเท่านั้น ปัญหาทางด้านดิจิตอลและด้านพลังงานยังมีอีกมาก ซึ่งมีเรื่องใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา และอาจจะยากเกินกว่าที่พลเอกประยุทธ์ จะเข้าใจ ซึ่งทำให้ประเทศไทยก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่เสียโอกาสอย่างมาก” นายพชร กล่าว.-สำนักข่าวไทย