“พิชัย” รับเศรษฐกิจไทยไม่ดีจริงๆ แต่อยากให้ประชาชนมีหวัง

รัฐสภา 25 มี.ค.-“พิชัย” ยอมรับเศรษฐกิจไทยไม่ดีจริงๆ แต่อยากให้ประชาชนและประเทศมีความหวัง ตั้งเป้าจีดีพี 68 โต 3% เผย อาจซื้อหนี้จากประชาชนกว่า 3 ล้านคน ให้หลุดเครดิตบูโร ให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ชี้แจงกรณีนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจ ว่า อยากให้ประชาชนและประเทศต้องมีความหวัง แม้จะยากลำบาก ซึ่งตนเห็นด้วยว่า เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ ไม่ดีมาอย่างยาวนาน เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ตั้งแต่เรื่องราคาพืชผลเกษตร เรื่องการลงทุนอุตสาหกรรมสู้ต่างชาติไม่ได้ นวัตกรรมใหม่สู้ไม่ได้ การลงทุนภาครัฐมีการเบิกจ่ายล่าช้าที่ปีนี้ตั้งเป้าเบิกจ่ายให้ได้ 75% และเรื่องการส่งออกที่สินค้าส่งออกยังสร้างมูลค่าให้กับประเทศได้น้อยอยู่


นายพิชัย กล่าวว่า จะมาบอกว่า เราจะไม่ดูการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีไม่ได้ เพราะพื้นฐานหากจีดีพีดี หมายความว่า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีกำลังซื้อ กำลังบริโภค ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการจ้างงาน มีการลงทุน มีรายได้ ซึ่งโจทย์ของประเทศคือต้องมีการลงทุนที่เหมาะสม

นายพิชัย ยอมรับว่า จีดีพีเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% มาเป็นเวลานาน แต่จีดีพีที่ผ่านมา เติบโตมา 2.5% โตขึ้นมา 30% แม้ดีจีพีของไทยอาจโตไม่เท่าประเทศอื่นที่โตในระดับ 5-6% แต่เราตั้งเป้าว่า จีดีพีปี 68 ต้องไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งเป็นความหวังที่ต้องสู้ให้ได้ และเมื่อดูผลการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทยเศรษฐกิจค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆ เป็นลำดับขั้น


นายพิชัย กล่าวถึง เรื่องการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องข้าว ไทยเคยมีการส่งออกข้าวมากกว่าการบริโภคในประเทศ และราคาที่ส่งออกเกือบจะเท่ากับต้นทุนในข้าวบางพันธุ์ แปลว่า เราส่งออกในสิ่งที่ไม่มีกำไรเหลือเลย ในอดีตย้อนหลัง 10 ปี เราผลิตข้าวสาร 21 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 9 ล้านตันและส่งออก 12 ล้านตัน แต่ในขณะนี้การผลิต 17 ล้านตัน บริโภคเพิ่มขึ้นมา 11 ล้านตัน ส่งออก 6 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่่ปลูกให้น้อยลง และนำพื้นที่ปลูกไปทำอย่างอื่นในที่เราขาดอยู่โดยเฉพาะสินค้าที่เรานำเข้า เช่น ข้าวโพด หากมีดินที่ดี อาจได้ราคา 15,000-16,000 บาทต่อไร่ ซึ่งต้องทำให้คนเข้าใจ จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลอย่างน้อย 3-5 ปี และส่งเสริมให้เกษตรกรไปปลูกข้าวโพดแทน

นายพิชัย ยืนยันว่า สินค้าเกษตรของทุกประเทศเป็นยุทธปัจจัย ถือเป็นความมั่นคงของประเทศ จึงต้องมีการจัดระบบของราคาและการปลูกเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก และเลือกส่งออกสินค้าเกษตรเฉพาะสิ่งที่ต้นทุนดีกว่าในประเทศ

ส่วนเรื่องอุตสาหกรรม นายพิชัย ยืนยันว่า เราจะเปลี่ยนอุตสาหกรรมที่ลงทุนในไทยมูลค่า 10 ล้านล้านบาททีเดียวไม่ได้ โครงสร้างอุตสาหกรรมเก่ายังอยู่ไม่ได้สูญหาไป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ ส่วนอุตสหกรรมใหม่ โดยเฉพาะอีวีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


ส่วนการให้บัตรส่งเสริมอุสาหกรรมผ่านบีโอไอ ในปีที่ผ่านมาเกิน 1.1 ล้านล้านบาท โดยรูปแบบการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง คนที่เข้ามาลงทุนกลับมาเร่งรัดต้องการลงทุนเร็วขึ้นและเห็นผลภายใน 2 ปี ส่งผลให้เม็ดเงินเข้ามาในประเทศมากขึ้น

สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว รัฐบาลจะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาอยู่นานขึ้น และใช้จ่ายเงินมากขึ้น เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น และการลงทุนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเราได้เพิ่มรถไฟรางคู่แล้วอีกพันกว่ากิโลเมตร ทำให้ขนส่งได้มากขึ้น จากหนองคายลงมาถึงกรุงเทพมหานคร และจะมีการเชื่อมไปยังทางใต้ผ่านโครงการแลนบริดจ์ รวมถึงรถไฟความเร็วสูง

นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจผ่านการเติมเงินผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งด้วยกฏหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่ขึ้นแข่งกับธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่สามารถเพิ่มปริมาณใหม่ แต่เราทำให้เงินดิจิทัลเพื่อมีสภาพคล่องมากขึ้น เข้าสู่รายย่อยมากขึ้น

“นี้ไม่ใช่เงินใหม่ที่รัฐบาลพิมพ์ เป็นเงินที่ถูกต้องเสมือนหนึ่งที่แบงค์ชาติได้อยู่ เราจะไม่ทำอะไรออกไปจากที่แบงค์ชาติไม่เห็นด้วย”นายพิชัย กล่าว

สำหรับเรื่องตลาดหุ้น ในเรื่องความได้เปรียบของนักลงทุนต่างประเทศต่อนักลงทุนไทย รัฐได้แก้ปัญหาไปแล้ว 80-90 % และต้องทำให้คนที่ทำไม่ถูกต้องได้รับการลงโทษ

ส่วนเรื่องการแก้หนี้ นายพิชัย กล่าวว่า คนเป็นหนี้สิ่งแรกขอยืดหนี้ ส่วนใหญ่ทำได้เฉพาะคนที่เกินกำลังอยู่ จากโครงการคุณสู้เราช่วย มีคนเข้าสู่โครงการไม่เกิน 30% ซึ่งเงินเตรียมไว้สำหรับปรับโครงสร้างหนี้คงใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

แต่จากหนี้ทั้งหมด 13.6 ล้านล้านบาท เราคงไม่ซื้อทั้งระบบ แต่จะเลือกซื้อเฉพาะที่เป็นหนี้เสียแล้ว เราจะเลือกลูกหนี้ไม่มีปัญญาจ่ายหรือไม่มีหลักทรัพย์แล้ว ธนาคารไม่สามารถตามหนี้ได้ ซึ่งหนี้ตรงส่วนนี้มีปัญหาประมาณ 5 ล้านกว่าคน แต่ที่เป็นยอดหนี้น้อย 3 ล้านกว่าคน หรือ กว่า 65 % เราจะทำการซื้อหนี้มาแก้ไขให้ และจะหาทางทำให้หลุดจากเครดิตบูโรโดยมีเงื่อนไข และหลังจากนี้สามารถไปติดต่อธนาคารเพื่อขอสินเชื่อได้ ถือเป็นการให้โอกาส ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ไปที่ตัวเล็กๆก่อน

ทั้งนี้ นายพิชัย ย้ำว่า เศรษฐกิจลำบากมานานแต่ต้องทำ หลายๆอย่างไม่สามารถทำได้ภายใน 1-2 ปี แต่ทำคู่ขนานกันไป พร้อมขอบคุณฝ่ายค้านที่หยิบปัญหาขึ้นมา เราต้องตื่นตัว สู้กับปัญหา และยืนยันว่า เราตั้งใจแก้ปัญหาจริงๆให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ให้จีดีพีถึง 3% และไปแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]