“พิชัย” รับเศรษฐกิจไทยไม่ดีจริงๆ แต่อยากให้ประชาชนมีหวัง

รัฐสภา 25 มี.ค.-“พิชัย” ยอมรับเศรษฐกิจไทยไม่ดีจริงๆ แต่อยากให้ประชาชนและประเทศมีความหวัง ตั้งเป้าจีดีพี 68 โต 3% เผย อาจซื้อหนี้จากประชาชนกว่า 3 ล้านคน ให้หลุดเครดิตบูโร ให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ชี้แจงกรณีนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจ ว่า อยากให้ประชาชนและประเทศต้องมีความหวัง แม้จะยากลำบาก ซึ่งตนเห็นด้วยว่า เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ ไม่ดีมาอย่างยาวนาน เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ตั้งแต่เรื่องราคาพืชผลเกษตร เรื่องการลงทุนอุตสาหกรรมสู้ต่างชาติไม่ได้ นวัตกรรมใหม่สู้ไม่ได้ การลงทุนภาครัฐมีการเบิกจ่ายล่าช้าที่ปีนี้ตั้งเป้าเบิกจ่ายให้ได้ 75% และเรื่องการส่งออกที่สินค้าส่งออกยังสร้างมูลค่าให้กับประเทศได้น้อยอยู่


นายพิชัย กล่าวว่า จะมาบอกว่า เราจะไม่ดูการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีไม่ได้ เพราะพื้นฐานหากจีดีพีดี หมายความว่า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีกำลังซื้อ กำลังบริโภค ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการจ้างงาน มีการลงทุน มีรายได้ ซึ่งโจทย์ของประเทศคือต้องมีการลงทุนที่เหมาะสม

นายพิชัย ยอมรับว่า จีดีพีเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% มาเป็นเวลานาน แต่จีดีพีที่ผ่านมา เติบโตมา 2.5% โตขึ้นมา 30% แม้ดีจีพีของไทยอาจโตไม่เท่าประเทศอื่นที่โตในระดับ 5-6% แต่เราตั้งเป้าว่า จีดีพีปี 68 ต้องไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งเป็นความหวังที่ต้องสู้ให้ได้ และเมื่อดูผลการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทยเศรษฐกิจค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆ เป็นลำดับขั้น


นายพิชัย กล่าวถึง เรื่องการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องข้าว ไทยเคยมีการส่งออกข้าวมากกว่าการบริโภคในประเทศ และราคาที่ส่งออกเกือบจะเท่ากับต้นทุนในข้าวบางพันธุ์ แปลว่า เราส่งออกในสิ่งที่ไม่มีกำไรเหลือเลย ในอดีตย้อนหลัง 10 ปี เราผลิตข้าวสาร 21 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 9 ล้านตันและส่งออก 12 ล้านตัน แต่ในขณะนี้การผลิต 17 ล้านตัน บริโภคเพิ่มขึ้นมา 11 ล้านตัน ส่งออก 6 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่่ปลูกให้น้อยลง และนำพื้นที่ปลูกไปทำอย่างอื่นในที่เราขาดอยู่โดยเฉพาะสินค้าที่เรานำเข้า เช่น ข้าวโพด หากมีดินที่ดี อาจได้ราคา 15,000-16,000 บาทต่อไร่ ซึ่งต้องทำให้คนเข้าใจ จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลอย่างน้อย 3-5 ปี และส่งเสริมให้เกษตรกรไปปลูกข้าวโพดแทน

นายพิชัย ยืนยันว่า สินค้าเกษตรของทุกประเทศเป็นยุทธปัจจัย ถือเป็นความมั่นคงของประเทศ จึงต้องมีการจัดระบบของราคาและการปลูกเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก และเลือกส่งออกสินค้าเกษตรเฉพาะสิ่งที่ต้นทุนดีกว่าในประเทศ

ส่วนเรื่องอุตสาหกรรม นายพิชัย ยืนยันว่า เราจะเปลี่ยนอุตสาหกรรมที่ลงทุนในไทยมูลค่า 10 ล้านล้านบาททีเดียวไม่ได้ โครงสร้างอุตสาหกรรมเก่ายังอยู่ไม่ได้สูญหาไป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ ส่วนอุตสหกรรมใหม่ โดยเฉพาะอีวีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


ส่วนการให้บัตรส่งเสริมอุสาหกรรมผ่านบีโอไอ ในปีที่ผ่านมาเกิน 1.1 ล้านล้านบาท โดยรูปแบบการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง คนที่เข้ามาลงทุนกลับมาเร่งรัดต้องการลงทุนเร็วขึ้นและเห็นผลภายใน 2 ปี ส่งผลให้เม็ดเงินเข้ามาในประเทศมากขึ้น

สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว รัฐบาลจะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาอยู่นานขึ้น และใช้จ่ายเงินมากขึ้น เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น และการลงทุนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเราได้เพิ่มรถไฟรางคู่แล้วอีกพันกว่ากิโลเมตร ทำให้ขนส่งได้มากขึ้น จากหนองคายลงมาถึงกรุงเทพมหานคร และจะมีการเชื่อมไปยังทางใต้ผ่านโครงการแลนบริดจ์ รวมถึงรถไฟความเร็วสูง

นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจผ่านการเติมเงินผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งด้วยกฏหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่ขึ้นแข่งกับธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่สามารถเพิ่มปริมาณใหม่ แต่เราทำให้เงินดิจิทัลเพื่อมีสภาพคล่องมากขึ้น เข้าสู่รายย่อยมากขึ้น

“นี้ไม่ใช่เงินใหม่ที่รัฐบาลพิมพ์ เป็นเงินที่ถูกต้องเสมือนหนึ่งที่แบงค์ชาติได้อยู่ เราจะไม่ทำอะไรออกไปจากที่แบงค์ชาติไม่เห็นด้วย”นายพิชัย กล่าว

สำหรับเรื่องตลาดหุ้น ในเรื่องความได้เปรียบของนักลงทุนต่างประเทศต่อนักลงทุนไทย รัฐได้แก้ปัญหาไปแล้ว 80-90 % และต้องทำให้คนที่ทำไม่ถูกต้องได้รับการลงโทษ

ส่วนเรื่องการแก้หนี้ นายพิชัย กล่าวว่า คนเป็นหนี้สิ่งแรกขอยืดหนี้ ส่วนใหญ่ทำได้เฉพาะคนที่เกินกำลังอยู่ จากโครงการคุณสู้เราช่วย มีคนเข้าสู่โครงการไม่เกิน 30% ซึ่งเงินเตรียมไว้สำหรับปรับโครงสร้างหนี้คงใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

แต่จากหนี้ทั้งหมด 13.6 ล้านล้านบาท เราคงไม่ซื้อทั้งระบบ แต่จะเลือกซื้อเฉพาะที่เป็นหนี้เสียแล้ว เราจะเลือกลูกหนี้ไม่มีปัญญาจ่ายหรือไม่มีหลักทรัพย์แล้ว ธนาคารไม่สามารถตามหนี้ได้ ซึ่งหนี้ตรงส่วนนี้มีปัญหาประมาณ 5 ล้านกว่าคน แต่ที่เป็นยอดหนี้น้อย 3 ล้านกว่าคน หรือ กว่า 65 % เราจะทำการซื้อหนี้มาแก้ไขให้ และจะหาทางทำให้หลุดจากเครดิตบูโรโดยมีเงื่อนไข และหลังจากนี้สามารถไปติดต่อธนาคารเพื่อขอสินเชื่อได้ ถือเป็นการให้โอกาส ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ไปที่ตัวเล็กๆก่อน

ทั้งนี้ นายพิชัย ย้ำว่า เศรษฐกิจลำบากมานานแต่ต้องทำ หลายๆอย่างไม่สามารถทำได้ภายใน 1-2 ปี แต่ทำคู่ขนานกันไป พร้อมขอบคุณฝ่ายค้านที่หยิบปัญหาขึ้นมา เราต้องตื่นตัว สู้กับปัญหา และยืนยันว่า เราตั้งใจแก้ปัญหาจริงๆให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ให้จีดีพีถึง 3% และไปแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

พบสารก่อมะเร็ง จากเหตุไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ฉลองกรุง

กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – พบสารพิษบางตัวเป็นสารก่อมะเร็ง จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านฉลองกรุง 55 แนะผู้สูดดมไปตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กแจ๊ส” เผยไม่สนใจ-ไม่ให้ค่า ชี้มีหลาย “J”

13 พ.ค. – หลัง “สส.ฟลุ๊ค มนัสนันท์” จากพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความเดือดทางเฟซบุ๊ก “กูไม่กลัวมึง ไอ้ J” ล่าสุด “บิ๊กแจ๊ส” ออกมายืนยันไม่สนใจ พร้อมระบุลูกชายตนสอนมาดี รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ก้าวร้าว ความคืบหน้าประเด็นร้อนการเมืองท้องถิ่น จ.ปทุมธานี หลังเพิ่งผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี 2568 เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่คล้อยหลังเพียง 1 วัน สส.พรรคใหญ่ในพื้นที่ปทุมธานี คือ นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ หรือ ฟลุ๊ค สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ลูกชายนายกฤษดา หลีนวรัตน์ เคลื่อนไหวทางเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยบางโพสต์มีความเกี่ยวข้องกับการจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และบางโพสต์ได้ท้าทายว่าไม่กลัวบุคคลอักษรเจ (J) วันนี้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดใจกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย ระบุว่า อย่าไปให้ค่า ตัวเจ (J ) […]

แจ้งข้อหาซ่องโจร “สจ.กอล์ฟ” และพวก เพิ่มอีก 1 ข้อหา

สงขลา 13 พ.ค. – ตำรวจแจ้งข้อหา “ซ่องโจร” เพิ่มอีก 1 ข้อหา แก๊ง “สจ.กอล์ฟ” คดีรุมทำร้ายตำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้งตำบลพะวง จ.สงขลา เตรียมนำตัวส่งศาลวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) ญาติขอค้านประกันตัว หวั่นอิทธิพล คดีนายสิรดนัย หรือ สจ.กอล์ฟ สจ.เขต 7 จ.สงขลา สั่งการให้ลูกน้องไปรุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ ตำรวจ ตชด. ประจำหน่วยเลือกตั้งเทศบาลตำบลพะวง อ.เมือง จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังไม่พอใจถูกห้ามถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้งขณะไปลงคะแนน ก่อนตำรวจรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ และวานนี้ (12 พ.ค.) นายสมยศ หรือ โกถึก สส.เขต 3 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพ่อ นำ สจ.กอล์ฟ เข้ามอบตัว ส่วนลูกน้องอีก 6 คน ถูกจับกุมตัวได้หมดแล้วเช่นกัน […]

“ปชน.” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้นพรรค-ตัดสิทธิทุกอย่าง

รัฐสภา 13 พ.ค.- “เท้ง” ประกาศดอง “งูเห่า” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้น ปชน.ตามต้องการ ส่งตีความหนังสือเข้าข่ายลาออก พ้น สส.หรือไม่ พร้อมตัดสิทธิทุกอย่างในโควตาพรรค นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงตอบโต้นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคประชาชน เขต 6 จังหวัดชลบุรี ทำหนังสือ ขอยุติบทบาทภายในพรรคและขอให้พรรคประชาชนขับออก นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าได้รับฟังเหตุผล ที่น.ส.กฤษฎิ์แถลงต่อข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบายจึงต้องการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และอ้างว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่าพรรคได้สนับสนุนการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายพรรคเคยอนุมัติงบในส่วนกลางเพื่อให้ไปทำกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่ศรีราชาตามที่ได้ร้องขอเข้ามา ซึ่งสส. คนอื่นก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและได้รับการสนับสนุน และที่บอกว่าการทำงานในคณะกรรมการธิการคมนาคม ไม่ได้รับการสนับสนุนนั้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดสภา เราจะให้สส.ทุกคนได้เสนอมาว่าอยากได้ทำงานในกรรมาธิการฯในคณะใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้รับการเป็นกรรมาธิการในอันดับหนึ่งที่เลือก แต่น.ส.กฤษฎิ์ก็ได้ตามที่ต้องการและยังได้เป็นรองประธาน อนุกรรมาธิการ ฯ เรื่องงานก่อสร้างท่าเรือ และยังมีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาทางต่าง ๆ จากประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนเรื่องการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสภานะทางเพศนั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า […]