ฝนถล่ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ น้ำท่วมขังถนนสูง 20-40 ซม.

ภูมิภาค 19 พ.ค. – เกิดฝนตกหนักใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนในเขตเทศบาลปราณบุรีสูง 20-40 ซม. ส่งผลให้การจราจรติดขัด ส่วนที่เชียงใหม่ น้ำป่าหลากบ้านแม่อ้อ สวนพริกเสียหาย 300 ไร่ และที่ลำปาง หลายหน่วยงานเร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก


ช่วงหัวค่ำวานนี้ (18 พ.ค.65) เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ปราณบุรี นานกว่าครึ่งชั่วโมง ส่งผลให้ถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 3168 ช่วงปราณบุรี-ปากน้ำปราณ บริเวณหน้าซอยรัฐบำรุง 7 แยกหน้าสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคปราณบุรี มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบายไม่ทัน ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงถึง 20-40 ซม. ส่งผลการจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัด รถจักรยานยนต์ที่ขับมาผ่านต้องใช้ความระมัดระวัง รถจักรยานยนต์บางคันขี่ฝ่าน้ำมาทำให้เครื่องยนต์ดับหลายสิบคัน

บริเวณถนนดังกล่าวเมื่อมีฝนตกหนักทุกครั้งจะมีน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ ทำให้มีน้ำไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนเวลารถวิ่งผ่านด้วยความเร็ว ชาวบ้านต้องนำพลาสติกมาปิดบริเวณหน้าบ้าน พร้อมวิงวอนผู้ใช้รถใช้ถนนวิ่งช้าๆ และอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยมาดำเนินการแก้ไข เพราะเมื่อเกิดมาฝนตกหนักครั้งใดก็เกิดน้ำท่วมขังแบบนี้ทุกครั้ง


เชียงใหม่ น้ำป่าหลากบ้านแม่อ้อ สวนพริกเสียหาย 300 ไร่
ที่เชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนวันที่ 17 พ.ค. จนถึงเช้าวันที่ 18 พ.ค. ในพื้นที่ อ.เชียงดาว ทำให้น้ำป่าไหลหลากลงลำห้วยแม่อ้อ ต.เมืองนะ กระแสน้ำไหลมาอย่างรวดเร็ว นำเศษไม้ ตอไม้ไหลมาด้วย ทำให้อุดตันท่อระบายน้ำ จนทำให้น้ำล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนริมน้ำ ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน ต้องขนของหนีน้ำอลหม่าน

เจ้าหน้าที่ทหาร นปค 32 ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เทศบาลตำบลเมืองนะ เจ้าหน้าที่ทหารกรมทหารราบที่ 7 ต้องระดมกำลังนับ 100 นาย เข้าไปช่วยเหลือขนย้ายทรัพย์สินมีค่าไว้บนที่สูง รวมทั้งสัตว์เลี้ยง และอุ้มคนแก่ออกจากบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้นำรถแบ็กโฮเข้ามาชักลากท่อนไม้ที่อุดตันหน้าท่อระบายน้ำ ทำให้น้ำระบายได้เร็วขึ้น

ล่าสุดช่วงบ่ายวานนี้ (18 พ.ค.65) ลดลงสู่ภาวะปกติแล้ว มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก ชาวบ้านเร่งกวาดล้างทำความสะอาดบ้านเรือน และมีสวนพริกที่ชาวบ้านปลูกไว้ได้รับความเสียหายกว่า 300 ไร่ โดยวัยนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้าไปสำรวจความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป


จากกรณีฝนตกลงมาอย่างหนักและเกิดน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านใน ต.แม่ตีบ อ.งาว จ.ลำปาง อย่างหนัก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายกว่า 200 หลังคาเรือน โดยเฉพาะ 2 หมู่บ้าน คือ บ้านน้ำหลง ม.3 และบ้านงิ้วงาม ม.4 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านจนมีบ้านพังถล่มลงทั้งหลัง เนื่องจากกระแสน้ำป่าที่ไหลแรงและมีจำนวนมาก ทำให้น้ำเซาะใต้ดิน เสาบ้านล้มและบ้านพังถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเจ้าของบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านได้แต่นั่งกอดกับลูกสาวร้องไห้ เมื่อเห็นบ้านของตัวเองค่อยๆ พังถล่มลงมาทั้งหลัง ขณะเดียวกันบ้านที่อยู่ในบริเวณเดียวกันน้ำก็กัดเซาะเป็นพื้นที่กว้าง ทำให้ยุ้งฉางเก็บข้าวของชาวบ้านพังเสียหาย

ล่าสุดหน่วยงานต่างๆ อาทิ ฝ่ายปกครอง กาชาดอำเภอ อบต. ทหาร ตำรวจ กู้ภัย และชาวบ้านจิตอาสาในหมู่บ้าน เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำป่าไหลหลากสร้างความเสียหายให้กับหมู่บ้าน โดยได้เข้ารื้อถอนซากบ้านที่ถล่มลงมาเพื่อรอการก่อสร้างใหม่ ช่วยซ่อมหลังคาบ้านเรือน และฉีดล้างทำความสะอาดบ้านเรือนที่น้ำได้ซัดโคลนเข้าในบ้าน

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางสมทัด อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านที่บ้านพังถล่ม เล่าว่า คืนก่อนเกิดเหตุตนเองและลูกนอนที่บ้านตามปกติ เวลาประมาณตี 3-4 รู้ว่ามีน้ำป่าหลากเข้าหมู่บ้าน แต่ไม่คิดว่าจะแรง และคิดว่าเป็นปกติเหมือนที่เคยประสบมา กระทั่งช่วงสายเห็นว่ายุ้งข้าวที่อยู่หลังบ้านเริ่มเอียง กระทั่งเวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า รู้สึกว่าบ้านเริ่มลั่น ตนเองจึงรีบเข้าไปหยิบเอกสารส่วนตัว โฉนดที่ดิน และรีบออกจากบ้านไปอยู่ที่บ้านญาติฝั่งตรงข้าม จากนั้นไม่นานบ้านก็เริ่มทรุดทีละข้างและเอียง สุดท้ายก็ถล่มตามที่ลูกสาวถ่ายคลิปได้ ตนเองกับลูกได้แต่กอดกันร้องไห้มองบ้านที่พังลงมา เสียดายบ้านที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง สร้างมาตั้งแต่ลูกอายุ 2 ขวบ ร่วมกว่า 30 ปีแล้ว

ขณะที่ที่บ้านงิ้วงาม ต.แม่ตีบ นายอิทธิฤทธิ์ สมสุข ชาวบ้านบ้านงิ้วงาม ได้ไลฟ์ขณะที่ตนเองพร้อมแฟนและสุนัข ติดอยู่บนหลังคาบ้าน เพราะหนีน้ำป่าที่ไหลบ่าเข้าท่วมหมู่บ้าน

หลังจากนายอิทธิฤทธิ์ได้รับความช่วยเหลือลงมาจากหลังคาบ้านแล้ว เล่าว่า ขณะเกิดเหตุชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามตะโกนและส่องไฟฉายบอก แต่สุนัขไม่เห่า และตนเองก็หลับ สะดุ้งตื่นมาประมาณตี 5 น้ำก็เพิ่มระดับเกือบท่วมที่นอนแล้ว โชคดีที่ตื่นก่อน มิฉะนั้นอาจถูกไฟดูดตาย เพราะห้องที่นอนมีปลั๊กไฟ เมื่อตั้งสติได้รีบปลดคัทเอาต์และรีบออกมา พบว่ารถยนต์ถูกพัดไปกับน้ำ ข้าวของไปหมดแล้ว จึงรีบปีนขึ้นหลังคา และรออยู่บนนั้นจนกระทั่ง 7 โมงกว่า จึงมีชาวบ้านโยงเชือกมาช่วย เพราะกระแสน้ำแรงมาก ตอนนี้ตนเองหมดเนื้อหมดตัว ขณะนี้ได้รับเงินบริจาคและมีคนมาช่วยเหลือประมาณ 2,000 กว่าบาทแล้ว แต่อยากได้รับความช่วยเหลือเรื่องเครื่องนอน

สำหรับความเสียหายล่าสุด ปภ.ลำปาง สรุปว่า อ.งาว มีผู้ประสบภัย 2 ตำบล คือ ต.บ้านหวด และแม่ตีบ 6 หมู่บ้าน ราษฎรจำนวน 236 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร สัตว์เลี้ยง ทรัพย์สินของชาวบ้านที่ไม่สามรถขนย้ายได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ล่าสุดมีการตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านแม่ตีบหลวง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง