ทำเนียบรัฐบาล 18 พ.ค.-รมว.ศธ. ขออย่ากังวลโควิดช่วงเปิดเทอม เร่งฉีดวัคซีนให้ทั้งครูและนร. ส่วนปมทรงผม ให้เป็นเรื่องของรร.กำหนดมาตรการ ยันกระทรวงไม่ได้ห้าม ย้ำลงโทษต้องไม่ใช้ความรุนแรง
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงเปิดเทอมวันแรกในรอบ 1 ปี ว่า กระทรวงศึกษาธิการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด สร้างมาตรการป้องกันร่วมกัน ทั้งสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นห่วงและเร่งให้โรงเรียนโดยเฉพาะครูฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 รวมทั้งทยอยฉีดให้นักเรียนและเด็กเล็กให้ครบ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมแผนเผชิญเหตุ หากเกิดการติดโควิด-19 ขึ้น ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งโรงเรียนอีกต่อไป อาจปิดเฉพาะบางห้องและทำความสะอาดไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถให้กลับมาเรียนตามปกติใหม่ได้ทันที โดยให้ประเมินสถานการณ์ทุกวัน และรายงานผ่านศูนย์กลางของกระทรวง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนเรื่องทรงผม น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า โรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้มีข้อกำหนดเรื่องทรงผม และมีหลายบริบท ซึ่งตนควบคุมในระดับนโยบาย แต่ให้สถานศึกษาหรือผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบมาตรการเรื่องทรงผม แต่กระทรวงเน้นย้ำเรื่องมาตรการลงโทษ ไม่ให้ใช้ความรุนแรง เและเน้นเรื่องการศึกษาให้เด็กเข้าถึงระเบียบวินัย จึงไม่ห้ามใดๆ ที่กำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจนของแต่ละสถานศึกษา
นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (กพฐ.) กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้แก้กฎกระทรวงเพื่อให้นักเรียนสามารถไว้ทรงผมอะไรก็ได้ ว่า ระเบียบกำหนดให้เป็นบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา ว่าจะให้ทรงผมเป็นแบบใด โดยเน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียนและผู้ปกครอง และคณะครูเป็นหลัก ส่วนที่ยังพบปัญหาเรื่องการลงโทษเกี่ยวกับทรงผมอยู่ ต้องกำชับไปยังหน่วยสถานศึกษาให้ปฏิบัติว่าเมื่อทำความตกลงกันแล้ว ต้องมีกติการ่วมกัน หากใครฝ่าฝืนต้องตกลงกันว่าจะทำอย่างไร แต่ต้องไม่มีประเด็นเรื่องความรุนแรงกับนักเรียน
ส่วนข้อเรียกร้องจากกลุ่มนักเรียนเลวขอไว้ทรงผมแบบใดก็ได้ได้หรือไม่ นายอัมพร กล่าวว่า เมื่อสังคมหรือชุมชนนั้นต้องการให้เป็นแบบนั้น ไม่ได้หมายถึงทั้งประเทศ ก็เปลี่ยนเฉพาะแค่โรงเรียนนั้นเท่านั้น ซึ่งโดยสรุปคือขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนพูดคุยกันว่าจะเป็นอย่างไร กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยให้โรงเรียนตกลงพูดคุยกับนักเรียนและผู้ปกครองเอง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นเรื่องทรงผม
เมื่อถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ที่มีดราม่าเรื่องทรงผมนักเรียน นายอัมพร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องของคนที่สร้างดราม่าเอง ถ้าเข้าใจถึงระเบียบจะรู้ว่าเป็นเรื่องของแต่ละสถานศึกษา ดังนั้น ต้องไปเรียกร้องที่โรงเรียนของตัวเอง ซึ่งโรงเรียนอ้างกฎกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ เพราะระเบียบไม่เปิดช่องให้อ้างกฎกระทรวง.-สำนักข่าวไทย