กระบะขนกะหล่ำปลีทำช่องลับซ่อนต่างด้าวเข้าเมือง

ตาก 28 เม.ย. – จับคาด่าน! 3 ผู้นำพาหัวใส ดัดแปลงรถกระบะขนกะหล่ำปลี 2 คัน ทำช่องลับซุกซ่อนแรงงานต่างด้าวตบตาเจ้าหน้าที่


เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ (27 เม.ย.) พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พบพระ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง บ้านห้วยนกแล หมู่ที่ 9 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ เพื่อสกัดกั้นการขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าพื้นที่ชั้นใน โดยขณะเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ พบรถกระบะบรรทุกกะหล่ำปลีจนล้น จำนวน 2 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วสูง เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ ก่อนตรวจค้นรถกระบะคันแรก ยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค-6490 เพชรบูรณ์ พบหลังรถบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนล้น โดยมีผ้าใบสีดำคลุมปิดอย่างมิดชิด ภายในรถพบนายกฤษณ ทองมาก อายุ 25 ปี คนขับรถ และ น.ส.ปริญญา หงส์ทอง อายุ 26 ปี นั่งโดยสารมาด้วย มีอาการเหงื่อแตกและตัวสั่นผิดสังเกต เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงจากรถ ก่อนตรวจค้นภายในกระบะอย่างละเอียด จนพบช่องลับขนาดเล็ก เมื่อเปิดดูพบแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา นั่งเบียดเสียดกันอยู่ในช่องลับ จำนวน 7 คน ในสภาพเหงื่อแตก เนื่องจากอากาศหายใจในช่องลับมีน้อย

จากนั้นจึงทำการตรวจค้นรถกระบะคันที่ 2 ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ผฉ-8782 นครสวรรค์ พบด้านหลังบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนเต็มคัน และมีผ้าใบปิดคลุมอย่างมิดชิดเช่นกัน เมื่อตรวจสอบภายในรถ พบนายสำเริง ทองมาก อายุ 56 ปี คนขับรถ จึงเชิญตัวลงมา เพื่อทำการตรวจค้นรถโดยละเอียด พบด้านท้ายกระบะมีช่องลับพิเศษ ก่อนตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 7 คน เจ้าหน้าที่จึงนำแรงงานทั้งหมดออกมาจากช่องลับ และนำน้ำดื่มมามอบให้ ก่อนควบคุมตัวผู้นำพาชาวไทย 3 คน และแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา รวม 14 คน ไปสอบสวนที่ สภ.พบพระ


จากการสอบสวนนายสำเริง คนขับรถกระบะ รับสารภาพว่า ขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจริง โดยรับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาจากชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นนำมาหลบซ่อนในช่องลับของรถกระบะที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ก่อนนำกะหล่ำปลีมาวางทับ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยหากพาแรงงานต่างด้าวไปส่งที่จุดนัดพบได้ ก็จะได้ค่าจ้างเที่ยวละ 6,000 บาท แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน

เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา 3 ผู้นำพาชาวไทย ฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้ง 14 คน ส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งไม่พบแรงงานติดเชื้อ จึงส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนเร่งผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง