นายกฯ อวยพรชาวไทยมีความสุขวันหยุดพักผ่อน

กทม. 13 เม.ย.-นายกฯ อวยพรวันสงกรานต์ ขอประชาชนประสบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง สบายกาย สบายใจ สุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ขอให้ชาวไทยมีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ


เทศกาลสงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย วันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และวันที่ 14 เมษายนของทุกปี ก็เป็น “วันครอบครัว” ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมไทยมาแต่โบราณ นอกจากนี้ เราชาวไทยยังถือวันสงกรานต์เป็น “วันขึ้นปีใหม่ไทย” อีกด้วย โดยจะร่วมกันทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นมงคลต่อชีวิต และเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ เพื่อนำพาตนเองและครอบครัวไปสู่ความสุข ความเจริญ ในวันข้างหน้าและตลอดไป

ดังนั้น เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตโรคและวิกฤตโลก ที่กำลังส่งผลกระทบต่อชาวไทยและชาวโลกมายาวนานสองปีกว่าแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมมีความเชื่อว่า “ชาวไทยเป็นคนรักสันติ มองโลกในแง่ดี และไม่เคยยอมแพ้” โดยเราจะสามารถผ่านพ้นทุกภัยคุกคามไปได้ก็ด้วยความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งผมพร้อมที่จะทุ่มเททุกความพยายามและร่วมกับทุกฝ่าย ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ทัดเทียมนานาอารยประเทศให้ได้ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติของเรา ในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน


ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศมีความคืบหน้าไปโดยลำดับ แม้จะได้รับผลกระทบจากมหาวิกฤตโลก แต่เราก็ไม่หยุดพัฒนา จนวันนี้หลายโครงการเริ่มผลิดอกออกผลดีแล้ว เช่น

  1. การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ อย่างบูรณาการ โดยช่วงสองปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2563-2564) มีแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ระบบกระจายน้ำ เพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค ตลอดจนภาคการผลิต ทั้งการเกษตรและอุตสาหกรรมครอบคลุมทั้งประเทศ รวม 26,830 แห่ง เมื่อเสร็จสิ้นทุกโครงการ ก็จะสามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้งได้รวม 742 ล้าน ลบ.ม. อีกทั้งยังสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้ได้ถึง 91 ล้าน ลบ.ม. และมีน้ำดิบผลิตประปาได้อีก 62 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชนถึง 3.65 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 7.5 ล้านไร่ โดยในปี 2565 ก็จะดำเนินการเพิ่มเติมอีก 2,525 แห่ง
  2. การพัฒนารถไฟฟ้าทางคู่ เชื่อมโยงกรุงเทพฯ ที่เป็นศูนย์กลางของประเทศ ไปสู่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ กำลังดำเนินการ 5 เส้นทางหลัก รวมระยะทางกว่า 700 กม. คืบหน้าตามแผนเฉลี่ยกว่า 80% และจะขยายผลในระยะ 2 ต่อไป เพื่อกระจายความเจริญไปสู่จังหวัดรอบนอก และประเทศเพื่อนบ้าน ในการเข้าถึงแหล่งผลิต โดยเฉพาะภาคการเกษตรของไทย รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่จะกระจายตัวในทุกภูมิภาคของประเทศ ทั้งป่า เขา เขื่อน แม่น้ำ ลำธาร ทะเล ชายหาด และการท่องเที่ยววิถีไทยในกว่า 7,000 ตำบล
  3. การท่องเที่ยวไทย ซึ่งพร้อมจะเป็นกลไกพลิกโฉมประเทศ โดยเราสามารถแก้ปัญหาการบินพลเรือน (ICAO) ให้ได้มาตรฐานสากลได้ การลงทุนเพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ทั้งทางบก ทางราง ท่าเรือ และท่าอากาศยาน รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เช่น “เน็ตหมู่บ้าน” ครบ 75,000 หมู่บ้าน ทำให้แม้ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด แต่การท่องเที่ยวไทยก็พร้อมจะกลับมาบูมอีกครั้ง คาดว่าปี 2565 นี้ ไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ราว 1.3-1.8 ล้านล้านบาท จากชาวต่างชาติเที่ยวไทย 5-15 ล้านคน สร้างรายได้ราว 8 แสนล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 7 แสนล้าน นอกจากนี้ ยังมีคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ขอเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ตั้งแต่กรกฎาคม 2564 – มีนาคม 2565 แล้ว กว่า 196 เรื่อง จาก 33 ประเทศ สร้างรายได้เข้าไทยกว่า 4.24 พันล้านบาท

ทั้งหมดนี้ เป็นตัวอย่างของโอกาสและความหวัง สำหรับทุกคนที่มีหัวใจนักสู้ โดยผมและรัฐบาลพร้อมที่จะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกคน พร้อมสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมที่สร้างงาน สร้างเงิน และส่งเสริมให้คนไทยทุกภาคส่วนปรับตัวตามโลก เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และพัฒนาเพื่อรองรับโลกอนาคตอยู่เสมอ

ปีใหม่ไทยในปีนี้ ผมจึงเห็นว่าเป็นเสมือน “สงกรานต์แห่งความหวัง” ที่เราจะชำระล้าง ความทุกข์ยาก และอุปสรรคให้ไหลรินผ่านไป พร้อมต้อนรับโอกาสของสิ่งดีๆ ที่กำลังจะมาถึงประเทศไทย ในการเปิดประเทศ เริ่มต้นฟื้นฟูและขยายตัวทางเศรษฐกิจ กลับมาสร้างรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยว การจ้างงานเพิ่มขึ้น การพลิกโฉมอุตสาหกรรม การเกษตร และการลงทุน ที่รัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งในศักยภาพที่เรามี ตาม roadmap ที่ได้วางไว้


สุดท้ายนี้ ผมขอรณรงค์ให้เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และมาตรการทางสาธารณสุข ปลอดภัยทั้งโรคและอุบัติเหตุ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และเดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ประสบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง สบายกาย สบายใจ สุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง และขอให้ชาวไทยมีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน ได้ใช้เวลาคุณภาพกับครอบครัว ปลอดโรค ปลอดภัยกันทุกท่านครับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง