ราชบพิธ 5 ม.ค. – หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ผลจากมาตรการช้อป-เที่ยวช่วยชาติ ราคาสินค้าเกษตกรฟื้น และส่งออกดี คาดจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.6
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2559 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน นับจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 73.7 จาก 72.3ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 62.5 ดัชนีเกี่ยวกับการหางานทำโดยรวมอยู่ที่ 68.2 ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 90.3 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ และเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนเช่นกัน
สำหรับสาเหตุที่ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับดีขึ้น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปี ทั้งช้อปช่วยชาติ ท่องเที่ยวช่วยชาติ เป็นแรงกระตุ้นการใช้จ่ายซื้อสินค้าของประชาชน มีเม็ดเงินสะพัด 150,000 ล้านบาท และรัฐบาลมีนโยบายดูแลราคาข้าวให้ปรับสูงขึ้น บวกกับราคาพืชผลทางการเกษตรสูงขึ้น เช่น ยางพารา อ้อย ปาล์มน้ำมัน ทำให้เกษตรกรมีอำนาจซื้อมากขึ้น นอกจากนี้ การส่งออกเดือนพฤศจิกายนขยายตัวร้อยละ 10.19 เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน ทำให้เริ่มมีการจ้างงานที่สดใสขึ้น มีการทำงานล่วงเวลา ( โอที ) ในภาคกลาง และภาคตะวันออก ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเป็นผลดีต่อการส่งออกและท่องเที่ยวของไทย
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2560 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3-3.5 โดยยังได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีและเทศกาลตรุษจีนในช่วงปลายเดือนมกราคม ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น หลังจากผลกระทบจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญอยู่ในวงจำกัดประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไป 200,000-300,000 คน ประกอบกับการขึ้นค่าแรงบางจังหวัด เพิ่มรายได้ให้แรงงานในการจับจ่าย และการคาดหวังเม็ดเงินจากงบกลางปีที่จะมีการเบิกจ่ายในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2560 ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 และ 2 คึกคักขึ้น โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2560 ขยายตัวร้อยละ 3.3-3.7 แม้ว่าจะมีผลกระทบจากน้ำท่วม แต่คาดว่าอยู่ในวงจำกัดไม่เกิน 5,000 – 10,000 ล้านบาท หากน้ำท่วมขยายวงกว้าง นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้ผลบวกจากการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวเป็นบวก โดยเติบโตร้อยละ 1-3 ส่งผลให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.6 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสขยายตัวสูงถึงร้อยละ 4 -4.5 การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลจะเต็มประสิทธิภาพไม่มีภาวะสุญญากาศ การเลือกตั้งในประเทศยังเป็นไปตามโรดแมพ นโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ต้องไม่ช็อคโลกและสถาบันการเงินในสหภาพยุโรป (อียู) ต้องไม่มีปัญหาล้มละลาย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 1.5-2 โดยสะท้อนจากราคาสินค้าและ ราคาน้ำมันที่เริ่มขยับขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจุบันอยู่ที่ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล การบริโภคขยายตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่าภาคเอกชนจะพร้อมลงทุนในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ทำให้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติไตรมาส 3 ปีนี้ แต่เงินเฟ้อระดับดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีแรก คาดว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในช่วงปลายปี.-สำนักข่าวไทย