สกลนคร จุดเทียนแสดงความอาลัยยาวที่สุดในโลก 17 กม.


สกลนคร 11 พ.ย.-สกลนคร จัดงานแสดงความอาลัย ปฐมยาตรา ปวงประชาสุขใจ อาลัยองค์ภูมิพล ประชาชนกว่าแสนคนจุดเทียนแสดงความอาลัยยาวที่สุดในโลก 17 กม.

11-11-2559 23-24-17 11-11-2559 23-24-32


จังหวัดสกลนคร จัดงานแสดงความอาลัย ปฐมยาตรา ปวงประชาสุขใจ อาลัยองค์ภูมิพล ใช้มวลชนกว่า 150,000 คน เข้าแถวจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง จ.สกลนคร ไปยังโค้งปิ้งงู ระยะทางกว่า 17 กม. มีการแปรอักษร ๑๐๙ อันเป็นความหมาย พระองค์เสด็จสกลนคร 109 ครั้ง ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และจุดเทียนถวายความอาลัย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จ.สกลนคร นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าฯ สกลนคร เป็นประธานเปิดงาน ปฐมยาตรา ปวงประชาสุขใจ อาลัยองค์ภูมิพล ขึ้น โดยสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เสด็จแปรพระราชฐานพระทับแรม เมื่อครั้งที่เสด็จเยือนสกลนคร เป็นครั้งแรก ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 ซึ่งทางจังหวัดสกลนคร ได้ดูแลรักษาอาคารที่ประทับไว้อย่างดี โดยกิจกรรมมีการจัดนิทรรศการการแสดงให้ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ได้รับทราบพระราชกรณียกิจของพระองค์ ที่ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทย ซึ่งทุกคนล้วนมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้ มีการนำเอาคุณตาเจริญ ศรีนครินทร์ วัย 95 ปี ผู้ที่รีดฉลองพระองค์ให้ในหลวงร.9 และคุณยายคำมุกข์ คุณยายสมภาร มูลเมืองแสน มาเล่าประสบการณ์ที่รับเสด็จด้วย นอกจากนี้ ยังมีศิลปินรับเชิญจากค่ายแกรมมี่ เอิ้นขวัญ วรัญญา ลูกหลานชาวสกลนคร มาร่วมร้องเพลงในบทเพลง ล้นเกล้าเผ่าไทย และเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด อีกด้วย สำหรับขบวนชาวนา ที่เดินเท้าจาก อ.สว่างแดนดิน ระยะทาง 87 กม. ก็มาถึงบริเวณพิธีเช่นกัน ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่สนามมิ่งเมือง เขตเทศบาลนครสกลนคร นักเรียนและมวลชนพร้อมกัน กว่า 20,000 คน เตรียมการแปรอักษร เป็นตัวเลข ๑๐๙ สกลนคร อันมีความหมายว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระเมตตา เสด็จเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ จ.สกลนคร ถึง 109 ครั้ง นับแต่ปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา รวมระยะเวลา 61 ปี โดยพระองค์ได้แก้ปัญหาให้กับราษฎร นับจาก พระราชทานแหล่งน้ำ แก้ปัญหาความแห้งแล้ง แก้ปัญหาความยากจน สร้างงาน สร้างอาชีพ พระราชทานให้แก่จังหวัดสกลนคร จำนวน 270 โครงการ จนราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากนั้น มวลชนจะเข้ายืนในถนน เริ่มจากสนามมิ่งเมือง ไปยังพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เพื่อประกอบพิธีร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมกัน เป็นระยะทางยาว 17 กม.ใช้มวลชนกว่า 150,000 คน และร่วมจุดเทียนแสดงความอาลัย ซึ่งแต่ละคนที่ออกมาแสดงความจงรักภักดี ล้วนออกมาด้วยความเต็มใจ เพราะทุกคนมีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 อยู่ในหัวใจ การแสดงออกครั้งนี้ เป็นการตอบแทนที่พระองค์ทรงทุ่มเทอุทิศพระวรกายโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบาก จึงสมแล้วกับคำว่า มหาราชของชาวสยาม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง