กทม. 19 มี.ค.-‘รัชดา’ กรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านประสานการมีส่วนร่วมร่วมรับฟังการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการบริหารการสื่อสารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการสื่อสารอย่างครบวงจร เน้นสตรีและเยาวชน
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 08.30 น. ณ อาคารกรมประชาสัมพันธ์ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ประชุมหารือร่วมกับพลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และคณะ ในประเด็นการการสื่อสารเชิงรุกและสร้างสรรค์ ผ่านคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการบริหารการสื่อสารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อกส.จชต.) ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสันติสุขและความมั่นคงในพื้นที่
นางสาวรัชดา เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่าการสร้างความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความหวัง และสันติสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนจะต้องมาจากการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นความจริง ทันต่อเวลา ตรงกับความสนใจของประชาชน และสื่อสารสองทาง จึงได้กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการประชุมหารือในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันวางแผน และวิเคราะห์การทำแผนการสื่อสารแบบครบวงจร เพื่อยกระดับการประชาสัมพันธ์ เน้นการมีส่วนร่วมของเยาวชนและกลุ่มสตรีให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจ ของประชาชนทั้งใน นอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และองค์กรต่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ การดำเนินโครงการพัฒนา และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน โดยกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลด้านการสื่อสาร จะมุ่งเน้นการทำความเข้าใจและการชี้แจงด้วยความชัดเจน รวดเร็ว ผลิตสาระและเผยแพร่ผ่านช่องทางที่ให้ตรงกับกลุ่มเป้า
ทั้งนี้รองโฆษกฯ ได้ให้ข้อสังเกตในประเด็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายการสื่อสารที่ชัดเจน ว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมการรับสื่อของคนเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นมาก จากเดิมที่มีเพียงโทรทัศน์และวิทยุ ดังนั้น ช่องทางการสื่อสารและเนื้อหาข้อมูลจะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับความสนใจของแต่ละกลุ่ม สำหรับกลุ่มเป้าหมายเยาวชน จากที่ได้ลงพื้นที่รับฟังความเห็น มีเสียงสะท้อนว่าอยากให้นำเสนอศักยภาพ ความสำเร็จของเยาวชน มุมดีๆในพื้นที่ให้มากๆ ซึ่งภาครัฐจะเร่งสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้มีมากขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย