กรุงเทพฯ 15 มี.ค.- BGRIM พร้อมนำเข้า LNG ล็อตแรก 5 แสนตันต้นปีหน้า ลดต้นทุนผลิตไฟฟ้า 5-10% คุยราคาถูกกว่า POOL เดินหน้าเจรจาลูกค้าอุตสาหกรรมรองรับนำเข้าเพิ่มอีก 7.5 แสนตันในปี 69 เผยยอดขายไฟฟ้ากลับมาสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด เร่งเจรจาดีลใหม่ มั่นใจ หนุนรายได้โตตามเป้า 15-20%
นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส – การเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% ได้ลงนามร่วมกับบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTT LNG Limited) สัญญาการใช้ความสามารถการให้บริการสถานี (Terminal Use Agreement – TUA) ในการขอใช้บริการสถานี PTT LNG Terminal (LMPT-1) แห่งที่ 1 เพื่อรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) จำนวน 5 แสนตันต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี (ปี 2566-2572)
ทั้งนี้ บี.กริม แอลเอ็นจี ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในอัตราทั้งสิ้น 1.25 ล้านตัน ซึ่งการจัดหาล็อตแรกจำนวน 5 แสนตันต่อปีในครั้งนี้ เพื่อนำมาใช้สำหรับป้อนโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท จำนวน 18 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการ SPP Replacement จำนวน 5 โรง กำลังการผลิตรวม 700 เมกะวัตต์ ที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ(COD) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
โดย บี.กริม แอลเอ็นจี นับเป็น shipper 1 ใน 7 ราย ที่ได้ใบอนุญาตจัดหาค้าส่งก๊าซธรรมชาติจาก กกพ. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เตรียมความพร้อมทั้งในการเจรจาสัญญาซื้อ LNG กับผู้ขายชั้นนำของโลก ตลอดจนความพร้อมในการขอใช้บริการสถานี LMPT-1 แห่งที่ 1 กับบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด โดยได้ยื่นจอง LMPT-1 กับ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 จำนวน 5 แสนตันต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี คาดว่าเรือขนส่ง LNG เชิงพาณิชย์เที่ยวแรกจะเข้ามาภายในต้นปี 2566 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 ภายในประเทศอย่างแท้จริง
นายอรุณพันธ์ ภู่ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ Conventional/ สายงานการพาณิชย์และจัดซื้อจัดจ้าง BGRIM กล่าวว่า LNG ล็อตแรกจำนวน 5 แสนตันต่อปีในครั้งนี้ บริษัทได้เจาจากับซัพพลายเออร์ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคา LNG ยังไม่สูงมากนัก ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยระยะยาวถูกกว่า Pool Gas หากนำเข้าในปีนี้ราคาเฉลี่ยก๊าซของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อล้านบีทียู เทียบกับ ราคา Pool อยู่ที่ประมาณ 400-450 บาทต่อล้านบีทียู การนำเข้า LNG จะทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนผลิตไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี คาดจะช่วยลดต้นทุนผลิตไฟฟ้า 5-10% ส่วนของโควต้า LNG ส่วนที่เหลืออีก 7.5 แสนตันต่อปี บริษัทมีแผนนำเข้า เพื่อขายให้กับลูกค้าโรงไฟฟ้านอกกลุ่มบริษัท รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ LNG ปัจจุบันได้มีการเจรจากับลุกต้าแล้วหลายราย คาดว่าน่าจะนำเข้าได้ครบทั้ง 1.25 ล้านตันในปี 2569 เนื่องจากแนวโน้มราคา LNG ในช่วงดังกล่าวคาดว่าจะถูกลง นอกจากนี้บริษัทยังมองถึงการต่อยอดธุรกิจ LNG ในอนาคต อาทิ การสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมในพื้นที่ห่างไกล เป็นต้น
ปัจจุบัน BGRIM ยังมีสัญญาซื้อก๊าซกับ ปตท. ประมาณ 75% เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าของบริษัท ขณะที่การนำเข้า LNG มาใช้เองคิดเป็นสัดส่วน 20-25% ของความต้องการใช้ก๊าซทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 2.5 ล้านตันต่อปี
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 นายนพเดช กล่าวว่ายังคงเติบโต จากยอดขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม ยอดขายไฟฟ้าขณะนี้โตกว่าช่องก่อนเกิด โควิด-19 ขณะที่ต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้นนั้น ในส่วนของการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. 75% สามารถส่งผ่านต้นทุนได้ ส่วนที่เหลือขายให้กับกลุ่มลูกค้าตรงหรือ IU ก็จะได้รับผลกระทบจากมาร์จิ้นที่ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าที่ 15-20% และคาดว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการ(M&A) ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ2-3 ดีล ตั้งเป้ากำลังการผลิตใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ด้วยงบลงทุนปีนี้ 7 หมื่นล้านบาท และปีนี้เตรียมออกหุ้นกู้ประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทในปีนี้.-สำนักข่าวไทย