ทนายตั้มคาดแผลที่ขา “แตงโม” อาจถูกหางเสือที่อยู่ใต้ใบพัด

กทม. 3 มี.ค.- “ทนายตั้ม” เชื่อบาดแผลที่ขา “แตงโม” ไม่ได้ถูกใบพัด แต่อาจถูกหางเสือที่อยู่ใต้ใบพัด ซึ่งอาจไม่ได้ตกจากท้ายเรือ วอนผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบข้อเท็จจริง

เวลา 11.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมายังอู่ต่อเรือเพื่อตรวจสอบกายภาพของตัวเรือลำที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยบางอย่างที่ยังคิดค้างอยู่ในใจ


นายษิทรา กล่าวว่า เมื่อวานที่ผ่านมา หลังมีสื่อมวลชนหลายแขนงโทรสอบถามเข้ามาจำนวนมาก ทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างหนึ่งจนนอนไม่หลับและคิดวนเวียนว่าจะต้องมาดูเรือลำดังกล่าวให้เห็นกับตา จากการสำรวจกายภาพของเรือ เชื่อว่าบาดแผลที่ขาของ “แตงโม” ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าเป็นบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือ แผลจะมีลักษณะเละกว่านี้ และมีมากกว่า 1 บาดแผล ส่วนตัวคิดว่าแผลที่พบน่าจะเกิดจากหางเสือใต้ใบพัดเรือ และหากแผลดังกล่าวเกิดจากหางเสือใต้ใบพัดเรือจริง ก็จะทำให้เชื่อได้ว่า “แตงโม” ไม่ได้ตกจากด้านท้ายเรือ เพราะถ้าตกจากด้านท้ายเรือด้วยความเร็วของเรือที่ขับ กระแสน้ำที่ไหลผ่านจากหัวเรือมาด้านหลัง ตัวของ “แตงโม” จะไม่ถูกดูดกลับมาที่ใต้ท้องเรือแน่นอน จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการตกจากด้านข้างหรือด้านหน้ามากกว่าหรือไม่ ซึ่งเรื่องอยากให้นักวิทยาศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาข่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือความน่าจะเป็นในจุดนี้อีกครั้งว่าทำไมถึงตกลงไปได้ รวมถึงอยากให้มีการเก็บฟินใต้ใบพัดเรือไปตรวจสอบเก็บหลังกฐานร่องรอบต่างๆ โดยเฉพาะดีเอ็นเอ

นายษิทรา กล่าวต่อว่า แม้คดีดังกล่าวจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากระทำการประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตไปแล้ว 2 คน แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าน่าจะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลในเรือเพิ่มเติมอีก 1 คน และเชื่อว่าน่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ตัวกับแตงโม มากที่สุดช่วงเกิดเหตุ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน แต่ทั้งนี้ก็ยังเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ดังนั้นมุมมองของตนจึงเชื่อว่า นายวิศาพัช อาจจะถูกตั้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแรก


พร้อม ยืนยันว่า สำหรับคดีดังกล่าวตนไม่ได้เป็นทนายให้กับฝ่ายจำเลยแม้แต่คนเดียว และพวกเขาเองก็มีทนายอยู่แล้ว ซึ่งวันแรกที่คุยกันเพราะเข้ามาขอคำปรึกษาทางคดี ตนยังบอกว่าถูกดำเนินคดีข้อหาประมาทแน่นอน แต่การที่ตนต้องเข้ามาในวันนี้ เพราะส่วนตัวรู้จักกับ “แตงโม” เขาเคยกินข้าวกับลูกๆ ของตน จึงอยากมาช่วยเท่านั้นเอง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”