ยูเครน 25 ก.พ. – ผู้นำยูเครน เตือนรัสเซียกำลังถูกปกคลุมด้วยม่านเหล็กเหมือนในอดีต หลังใช้กำลังทหารบุกโจมตีเพื่อนบ้านอย่างยูเครน เสียงระเบิดดังทั่วเมือง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ชาวยูเครนนับแสนหนีตายจากบ้านเรือน
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงต่อประชาชน ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังต่อเนื่องตามเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงใกล้กรุงเคียฟ ว่า ม่านเหล็กยุคใหม่กำลังเลื่อนลงมาปกคลุมรัสเซียอีกครั้งเหมือนในยุคอดีตสหภาพโซเวียต และยูเครนต้องป้องกันไม่ให้ถูกม่านเหล็กเข้าครอบงำ ก่อนหน้านี้ ผู้นำยูเครนได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้พลเรือนชาวยูเครนทุกคนจับอาวุธลุกขึ้นสู้กับข้าศึก เพื่อปกป้องประเทศ รัฐบาลพร้อมจัดหาอาวุธปืนให้กับพลเรือนทุกคนที่พร้อมจะต่อสู้ร่วมกับทหาร นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังขอให้ประชาชนช่วยกันไปบริจาคโลหิตตามโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากมีทหารยูเครนจำนวนมากบาดเจ็บจากการสู้รบและต้องการเลือดในการผ่าตัด
คำกล่าวของผู้นำยูเครน มีขึ้นระหว่างที่กองกำลังรัสเซียยังคงดาหน้าบุกโจมตียูเครนรายล้อมจากทุกทิศทางมาตลอด 24 ชั่วโมง เสียงปืนใหญ่และเสียงระเบิดดังต่อเนื่องในหลายเมือง ผู้นำยูเครนบอกว่า กองทัพยูเครนยังสามารถปกป้องภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออก เอาไว้ได้ รวมถึงการต่อสู้ที่เมืองคาร์คิฟ แต่ที่เป็นปัญหาที่สุด คือ ที่เมืองเคอร์ซอน ทางตอนใต้ ซึ่งกองทัพรัสเซียยกทัพเคลื่อนขึ้นมาจากภูมิภาคไครเมีย ที่รัสเซียผนวกมาเป็นดินแดนของตนเองในปี 2557 นอกจากนี้ ยังมีการต่อสู้อย่างหนักที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งนอกกรุงเคียฟ ซึ่งถือเป็นจุดที่ใกล้ที่สุดที่ทหารรัสเซียรุกคืบก่อนถึงเมืองหลวง นอกจากนี้ ยังมีการสู้รบหนักหน่วงใกล้ที่ตั้งอดีตโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าใกล้จะถูกรัสเซียยึดได้แล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขยูเครน รายงานว่า การสู้รบวันแรกเมื่อวานนี้ มีพลเรือนเสียชีวิต 57 คน บาดเจ็บอีกกว่า 160 คน แต่รัฐบาลยูเครนอ้างว่า ทหารยูเครนสามารถสังหารทหารรัสเซียได้กว่า 50 นาย ยิงอากาศยานรัสเซียตกไป 6 ลำ และจับทหารรัสเซียส่วนหนึ่งเป็นเชลย ซึ่งรัสเซียออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้แล้ว
ส่วนสถานการณ์ในกรุงเคียฟ ซึ่งมีประชากร 3 ล้านคน ผู้คนจำนวนมากต่างหลบหนีจากบ้านเรือนเพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางเสียงไซเรนที่ดังตลอดทั้งวัน ยวดยานบนถนนหลั่งไหลมุ่งไปทางทิศตะวันตก ด้านตรงข้ามรัสเซีย ทั้งโปแลนด์ โรมาเนีย และมอลโดวา ซึ่งมีชาวยูเครนหลายพันคนขอเดินทางข้ามพรมแดน คาดว่ามีผู้คนหนีออกจากบ้านเรือนในยูเครนแล้วนับแสนคน ขณะเดียวกัน ชาวยูเครนหลายคนตัดสินใจหอบหิ้วข้าวของเข้าไปหลบภัยตามสถานีรถไฟใต้ดิน บางส่วนแห่ไปยังสนามบินกรุงเคียฟ หวังเดินทางออกนอกประเทศ แต่ก็ต้องผิดหวังและติดค้างที่อาคารผู้โดยสาร เพราะเที่ยวบินถูกยกเลิกและมีคำสั่งปิดน่านฟ้า
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ประกาศว่า กองกำลังรัสเซียปฏิบัติภารกิจทั้งหมดได้อย่างลุล่วง ถือว่าภารกิจวันแรกสำเร็จด้วยดี โดยการสู้รบขยายไปถึงกรุงเคียฟ ของยูเครนอย่างรวดเร็ว รวมถึงเมืองสำคัญอื่นๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงการยกทัพภาคพื้นดิน แต่รัสเซียยังใช้การโจมตีทางอากาศ พุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางทหารอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ตำรวจรัสเซียควบคุมตัวผู้ประท้วงต่อต้านสงคราม 735 คน ใน 40 เมืองทั่วประเทศที่ออกมาเดินขบวนต่อต้านการส่งทหารเข้าไปในยูเครน ในจำนวนนี้ 330 คน เป็นผู้ประท้วงในกรุงมอสโก
ส่วนท่าทีของประชาคมโลกฝั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพยุโรป และพันธมิตร ต่างประสานเสียงประณามรัสเซียที่ส่งทหารโจมตีประเทศเพื่อนบ้านว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน หลงยุค กระทบชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก และยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการลงโทษและคว่ำบาตรรัสเซียอย่างรุนแรงและสาสมที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะมาตรการด้านเศรษฐกิจและการเงิน อันรวมถึงการอายัดทรัพย์สินธนาคารและสถาบันการเงิน และตัดขาดการทำธุรกิจกับบริษัทและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของรัสเซีย มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดความสามารถของรัสเซียในการทำธุรกิจด้วยเงินสกุลต่างๆ ทั้งดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ และเยน หยุดความสามารถในการสนับสนุนทางการเงินและเสริมสร้างกองทัพของรัสเซีย รวมถึงลดทอนความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี ชาติตะวันตก รวมถึงองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยังยืนยันว่าจะไม่ส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซีย
วิกฤตการณ์ในยูเครนส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับขึ้น 0.77% ปิดที่ 92.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายพุ่งขึ้นไปแตะ 100.54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์แหล่งทะเลเหนือ ปรับเพิ่ม 2.3% ปิดที่ 99.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากที่ช่วงหนึ่งทะยานขึ้นไปแตะ 105.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล. – สำนักข่าวไทย