สถาบันสุขภาพเด็กฯ 21 ก.พ.-ผอ.สถาบันเด็กเผยเตียงเด็กเริ่มหนาแน่น ประมาณ 15-17% นอนโรงพยาบาล สาเหตุติดเชื้อจากผู้ปกครอง และยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ 50% ของเด็กป่วยไม่มีอาการรักษา HI ได้ มีระบบติดตามดูแล ขอให้ผู้ปกครองมั่นใจ เพราะโอกาสโรครุนแรงมีแค่ 2.2%
นพ.อดิศักดิ์ ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด -19 ในเด็ก พบสถานการณ์เตียงเด็กภาพรวมหนาแน่นประมาณ 80% จึงนำนโยบาย Home Isolation (HI) มาใช้ในเด็กอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นและไม่มีอาการ เพื่อมารักษาตามระบบ โดยพบว่ามีสัดส่วนของเด็กที่นอนโรงพยาบาลมีประมาณ 15-17% ส่วนอีก 50% ไม่มีอาการ และมีอาการหนักประมาณ 2.2 % สาเหตุการติดเชื้อในเด็กเพิ่มมากขึ้นมาจากเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน และเป็นการติดเชื้อในครอบครัว เด็กบางส่วนเปิดเรียนตามปกติ ทำให้การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเชื้อโอไมครอนติดง่าย การรักษาส่วนใหญ่เน้นตามอาการคล้ายไข้หวัด ส่วนใหญ่มีไข้ เพียง 5 วัน ไข้ลด เด็กส่วนใหญ่อาการดีขึ้น และเพียงดูแลรักษาตามเกณฑ์ 10-14 วัน ก็หายขาดจากโควิด หากมีอาการก็จะจ่ายฟาวิพิราเวียร์สูตรน้ำให้รับประทาน
นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า เกณฑ์การรับเด็กเข้ารักษาการในโรงพยาบาล เน้นกลุ่มอายุต่ำกว่า 1 ปี หรือเด็กที่มีโรคประจำตัว ส่วนเด็กที่เข้ารับการรักษา HI คือ กลุ่มเด็กไม่มีอาการ ต้องไม่มีไข้สูง ไม่มีโรคประจำตัว เด็กไม่ซึม ทานอาหารได้ และต้องมีพ่อแม่ดูแลแบบใกล้ชิด เมื่อเข้าระบบ HI โรงพยาบาลจะมีการแชทผ่านไลน์สอบถามอาการ และวิดีโอคอล รวมถึงให้พ่อแม่ถ่ายวิดีโออาการของลูกให้แพทย์ดูวันละ 1 ครั้ง พร้อมมีการวัดไข้ วัดระดับออกซิเจนในเลือดจากปลายนิ้ว โดยพยาบาลที่ติดตามอาการเด็ก 1 คนรับผิดชอบ 30 เคส ทั้งนี้ จากการรักษาเด็กผ่านมากว่า 1,000 คน พบมีอาการรุนแรง 1-2% เท่านั้น
นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า เฉพาะที่สถาบันเด็กสัดส่วนผู้ป่วยเด็กในเดือนกุมภาพันธ์ครึ่งเดือนเพิ่มขึ้น 30% ตอนนี้มีเด็กป่วยนอนโรงพยาบาล 150 คน จากเดิมเดือนมกราคมประมาณ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่ของการนอนโรงพยาบาลเป็นแบบครอบครัวมีผู้ปกครองมานอนดูแลอาการเด็กด้วย ทำให้สถาบันเด็กขณะนี้มี ผู้ป่วยครองเตียง 76 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ปกครอง 20 คน และมีอาการป่วยติดเชื้อโควิด ซึ่งทางสถาบันได้มีการประสานกับโรงพยาบาลราชวิถีดูแลผู้ป่วยกลุ่มผู้ใหญ่เหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพราะเข้าใจว่าการรักษาพยาบาลเด็กเล็กจำเป็นต้องมีผู้ปกครองใกล้ชิดมีผลต่อการรักษาและการดูแลช่วยให้ทางรับประทานอาหารรับประทานยาได้ง่ายมากขึ้นหายเร็วกว่าปกติ.-สำนักข่าวไทย