กรุงเทพฯ 21 ก.พ. – รมช. มนัญญาเผย งบประมาณในโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตรตามพ.ร.ก.เงินกู้โควิด-19 เบิกจ่ายได้กว่า 90% โดยสามารถขยายศักยภาพของสหกรณ์การเกษตรได้เป็นอย่างดี เตรียมนำสหกรณ์ต่างๆ ช่วยกระจายสินค้าเกษตรในปี 65
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ (กสส.) ว่า โครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร (พ.ร.ก.เงินกู้โควิด-19) ขณะนี้สามารถเบิกจ่ายได้ 1,583 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.5 ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล 1,629 ล้านบาท สำหรับสหกรณ์ที่เข้าโครงการ 240 แห่ง ใน 59 จังหวัด โดยขณะนี้เกือบทุกแห่งสามารถที่จะรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรได้เพิ่มขึ้น ในฤดูกาลผลิตปี 2565 นี้ จะใช้ระบบสหกรณ์เหล่านี้เข้าไปช่วยขับเคลื่อนเสริมกลไกตลาดที่สำคัญในการกระจายผลผลิตและเป็นแก้มลิงชะลอผลผลิตทางการเกษตรกรณีผลผลิตล้นตลาด ซึ่งในปีที่ผ่านมาการใช้ระบบสหกรณ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
“งบก้อนนี้เป็นการติดเขี้ยวเล็บให้สหกรณ์ที่ให้โอกาสสหกรณ์ที่รวบรวมผลผลิตการเกษตรไปปรับปรุงศักยภาพของต้นเองทั้ง ยุ้ง ฉาง ลานตาก โกดัง ไซโล เป็นต้น ดังนั้นในฤดูกาลผลิตที่จะออกมาในปีนี้ทั้งข้าว ผลไม้จะใช้กลไกสหกรณ์เข้าไปช่วยเหลือ เสริมระบบตลาดปกติ ทั้งนี้เบื้องต้นได้รับข่าวดีว่า สหกรณ์การเกษตรนาน้อย จำกัด จังหวัดน่าน ซึ่งได้รับงบก้อนนี้ไป ในฤดูข้าวโพดปีนี้สามารถเปิดรับซื้อข้าวโพดได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ซื้อได้เพียง 2,000 ตันต่อฤดูกาลผลิต หลังจากได้รับงบปรับโครงสร้างฯ มีโกดังใหญ่ขึ้น เพียง 2 เดือนสามารถรับซื้อผลผลิตข้าวโพดได้แล้ว 3 พันตัน ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้ขายข้าวโพดในราคาที่เป็นธรรมเพราะสหกรณ์จะมีราคาพิเศษให้สมาชิก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
นายอานุภาพ พุฒตรง ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรนาน้อย จำกัด จ.น่าน กล่าวว่า งบโครงการปรับโครงสร้างฯ ได้ช่วยพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็งและมีศักยภาพในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น เป็นการให้เบ็ดกับสหกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์ต้องการปรับปรุงขยายศักยภาพแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณที่จะลงทุน เมื่อมีโครงการนี้ทางสหกรณ์ได้เสนอเข้าไปและได้รับการจัดสรรงบมาสมาชิกทุกคนดีใจมาก อยากได้มากกว่านี้ติดขัดเรื่องงบสมทบร้อยละ 10 สหกรณ์การเกษตรนาน้อย จึงขอโกดังซึ่งจำเป็นที่สุดก่อน ทั้งนี้ผลการรวบรวมผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสมาชิกในช่วงเดือนธันวาคม 2564 -มกราคม 2565 ที่ผ่านมา สหกรณ์สามารถรวบรวมข้าวโพดจากสมาชิกได้มากกว่า 3,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 18,225,852 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 20 อย่างไรก็ตามคาดว่าสิ้นฤดูข้าวโพดปีนี้จะสามารถรับซื้อข้าวโพดได้ประมาณ 3,500 – 4,000 ตัน
“สหกรณ์จะรับซื้อผลผลิตข้าวโพดทั่วไปในราคาตลาด แต่สำหรับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรนาน้อยเองนั้นจะได้ราคาเพิ่มจากราคาตลาดประมาณ 10 สตางค์ต่อกิโลกรัมที่ความชื้น 14% นอกจากนั้นสหกรณ์ยังให้บริการสีข้าวโพดฟรีกับเพื่อนสมาชิกอีกด้วย ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อระบบสวัสดิการที่สหกรณ์มอบให้สมาชิกดียิ่งขึ้นไป” นายอานุภาพกล่าว
สำหรับสหกรณ์การเกษตรนาน้อย จำกัด ได้รับการอุดหนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ 22,193,100 บาท และสหกรณ์การเกษตรนาน้อย จำกัด สมทบ 2,569,900 บาท หรือร้อยละ 10 เพื่อสร้างโกดังขนาดไม่น้อยกว่า 5,000 ตัน วงเงิน 24,659,000 บาท เพื่อขยายศักยภาพของสหกรณ์ โดยสหกรณ์การเกษตรนาน้อย จำกัด มีสมาชิก 1,977 คน ทุนดำเนินการมากกว่า 356 ล้านบาท ก่อตั้งจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เมื่อ 1 มีนาคม 2543 สหกรณ์ดำเนินธุรกิจเพื่อให้บริการแก่สมาชิก 4 ด้าน คือ ด้านสินเชื่อ ด้านการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ด้านรวบรวมผลผลิต และด้านรับฝากเงิน.-สำนักข่าวไทย