มท.1 สั่งระดมเครื่องจักรกล เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใต้

774กรุงเทพฯ 7 ม.ค.-มท.1 สั่งระดมเครื่องจักรกล เน้นย้ำการบัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ส่วนหน้าเร่งแก้ไขปัญหา คลี่คลายสถานการณ์ และดูแลผู้ประสบภัย ส่วนการช่วยเหลือให้ยึดการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และหลักเกณฑ์ ซึ่งได้ขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมใน 9 จังหวัด ๆ ละ 50 ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างคล่องตัว


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยว่า พื้นที่ภาคใต้มีฝนหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2559 และทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2560 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง อีกทั้งในขณะนี้ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้หลายพื้นที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ประกาศยกระดับการจัดการสาธารณภัยในพื้นที่ภาคใต้จากระดับ 2 (สาธารณภัยขนาดกลาง) เป็นระดับ 3 (สาธารณภัยขนาดใหญ่) โดยได้จัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 12 สงขลา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการและเชื่อมโยงการสั่งการแก้ไขปัญหาอุทกภัยกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้มีเอกภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้ระดมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ รถยกสูง รถผลิตน้ำดื่ม เรือท้องแบน รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย อุปกรณ์ช่วยเหลือพิเศษ และกำลังเจ้าหน้าที่จากศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี เขต 3 ปราจีนบุรี เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 5 นครราชสีมา และเขต 16 ชัยนาท เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้


“ได้สั่งการให้กองบัญชาการฯ ส่วนหน้า บริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยแจกจ่ายถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง รวมถึงให้บริการการขนย้ายสิ่งของและอพยพผู้ประสบภัย ซ่อมแซมเส้นทางคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า ประปา การสื่อสาร ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ เพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้ในเบื้องต้น พร้อมให้เร่งระบายน้ำและผลักดันน้ำออกสู่ทะเลและแหล่งน้ำสาธารณะต่าง ๆ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ที่ระดับน้ำเริ่มลดลงให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยกระทรวงมหาดไทยได้ประสานให้กรมบัญชีกลางอนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร (เพิ่มเติม) จังหวัดละ 50 ล้านบาท อีกทั้งได้อนุมัติให้ยกเว้นหลักเกณฑ์เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น โดยได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดจัดสรรงบประมาณให้อำเภอที่ประสบภัยอย่างน้อย 500,000 บาท หากจังหวัดใดสถานการณ์รุนแรงและขยายวงกว้าง สามารถขอขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ สั่งการ และประสานการแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยได้แบ่งโครงสร้างการปฏิบัติการเป็น 2 ศูนย์ 3 ส่วน ได้แก่ ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัย ศูนย์ประสานการปฏิบัติ มีอธิบดีกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ประสาน สนับสนุนทรัพยากร เครื่องจักรกลและเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนปฏิบัติการ มีนายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้า ทำหน้าที่กำกับควบคุมสถานการณ์ในพื้นทื่ประสบภัย และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านต่าง ๆ ทั้งการอพยพ การแพทย์ คมนาคม การรักษาความสงบเรียบร้อย ส่วนอำนวยการ มีนายชยพล  ฐิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ ประเมิน แจ้งเตือนสถานการณ์ภัย เพื่อสนับสนุนทรัพยากรในการจัดการภาวะฉุกเฉิน และส่วนสนับสนุน มีนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติของ กปภ.ช. เพื่อให้การจัดการในภาวะฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


“เน้นย้ำให้จังหวัดใช้กลไกของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระดับต่าง ๆ ในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยทหาร ฝ่ายพลเรือน และมูลนิธิอาสาสมัครสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงให้การช่วยเหลือผู้ประสบอย่างรวดเร็วและทั่วถึง” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ปล่อยตัว “แซม ยุรนันท์” สวมกอดครอบครัว ขอกลับบ้านก่อน

“แซม ยุรนันท์” ได้รับการปล่อยตัวแล้ว สวมกอดครอบครัวด้วยสีหน้ามีความสุข พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่มาต้อนรับ ขอกลับบ้านก่อน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

จับแล้วมือยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ย่านบางลำพู

“ผู้การจ๋อ” ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทัพสืบ บช.น. ร่วมตำรวจกัมพูชา แกะรอยบุกจับ “จ่าเอ็ม” มือยิง “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถึงพระตะบอง ประเทศกัมพูชา

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี “ดิไอคอน” เปิดใจขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทัณฑสถานหญิง ดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันบริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรก พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์ตนเองแล้ว

พบ จยย.มือยิงอดีตนักการเมืองกัมพูชาจอดทิ้งปั๊ม คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

ตำรวจตรวจพบรถจักรยานยนต์มือยิงอดีตนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาแล้ว จอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณเลียบด่วนมอเตอร์เวย์ คาดได้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้