กาญจนบุรี 1 ก.พ. – ญาติ “เสี่ยก้อง” เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดัง จ.กาญจนบุรี เตรียมแจ้งความเอาผิดสาวคนสนิท รวมถึงน้องชาย หลังมีคลิปเผยแพร่เหตุการณ์ขณะ “เสี่ยก้อง” ตกจากรถของสาวคนสนิท ทั้งยังเชื่อว่าไม่น่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกจากรถ ด้าน น.ส.เเหม่ม พร้อมน้องชาย เข้าพบ “ทนายเดชา” ขอคำปรึกษาสู้คดี
นี่เป็นภาพของญาติ “เสี่ยก้อง” หรือนายอภิชาต พูลเผือก อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดังใน จ.กาญจนบุรี ที่ไม่พอใจอย่างหนัก ถึงกับสะกดอารมณ์ไม่อยู่ โวยกลางงานฌาปนกิจ หลังเห็นคลิป “เสี่ยก้อง” ตกลงมาจากรถของสาวคนสนิท แต่ไม่มีใครช่วย
โดยคลิปจากกล้องติดหน้ารถ เป็นคันที่ขับตามรถของสาวคนสนิท “เสี่ยก้อง” บันทึกไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ “เสี่ยก้อง” ประสบอุบัติเหตุ โดย “เสี่ยก้อง” นั่งรถกระบะป้ายแดง ที่มีเพื่อนสาวคนสนิทเป็นคนขับ ซึ่งจากคำบอกเล่าของเพื่อนสาวคนสนิทในตอนแรก วันเกิดเหตุ ระหว่างขับรถ “เสี่ยก้อง” และเพื่อนสาวคนดังกล่าว มีปากเสียงทะเลาะกันบนรถ โดย “เสี่ยก้อง” พยายามบอกให้เพื่อนสาวจอดรถ แต่เพื่อนสาวไม่ยอมจอด กระทั่งจังหวะรถเลี้ยวโค้ง “เสี่ยก้อง” เปิดประตูรถออก และกระโดดลงไปเอง จนศีรษะกระแทกพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่รถคันที่ขับตามมา ก็คือน้องชายของสาวคนสนิท ได้ช่วยกันโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
จากคลิปภาพกล้องหน้ารถที่ญาติๆ เห็น ต่างพากันโกรธแค้นสาวคนสนิทของเสี่ยก้อง และน้องชาย เพราะเมื่อดูคลิปแล้วเห็นว่า ช่วงเกิดเหตุ “เสี่ยก้อง” พยายามเปิดประตูรถ เพื่อขู่ให้เพื่อนสาวจอดรถจริง แต่เพื่อนสาวคนดังกล่าวกลับเร่งความเร็ว ทำให้รถกระชาก จนทำให้ “เสี่ยก้อง” ตกจากรถ ร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นเพื่อนสาวคนดังกล่าวได้จอดรถลงมาดู พร้อมตะโกนด่าทอ “เสี่ยก้อง” และยังบอกให้รีบลุกขึ้นมา โดยไม่เข้าไปให้การช่วยเหลือใดๆ ขณะที่น้องชายของเพื่อนสาวคนดังกล่าว ที่นั่งอยู่ในรถคันติดกล้อง ซึ่งขับตามมา ได้ตะโกนบอกให้พี่สาว รวมทั้งเพื่อนที่อยู่ในรถคันติดกล้อง ไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ “เสี่ยก้อง” ปล่อยให้นอนอยู่แบบนั้น ทั้งยังกล่าวหาว่า “เสี่ยก้อง” แกล้งเจ็บเรียกร้องความสนใจ และกว่าจะมีการโทรศัพท์ตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาให้ความช่วยเหลือ เวลาก็ผ่านไปมากกว่า 20 นาที ทำให้ “เสี่ยก้อง” อาการสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด
คลิปนี้ คำพูดแบบนี้ ทำให้ครอบครัวและเพื่อนสนิท “เสี่ยก้อง” ถึงกับรับไม่ได้ ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ฟิวส์ขาด” กลางงานฌาปนกิจ ตามที่เห็นในคลิป ซึ่งญาติๆ ต่างตะโกนด่าทอเพื่อนสาวคนสนิทของ “เสี่ยก้อง” อย่างรุนแรง และพยายามจะเข้าไปเอาเรื่อง จนแขกที่มาร่วมงานศพต้องช่วยกันห้ามปราม และขอให้เพื่อนสาวคนสนิท “เสี่ยก้อง” ออกจากงานศพไปก่อน
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) น.ส.พภัสสรณ์ ปิ่นจุ หรือ นุ่น อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยก้อง พร้อมนางลักษ์ชนก ฮิดาคา อายุ 39 ปี พี่สะใภ้เสี่ยก้อง ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง ให้ช่วยตรวจสอบการเสียชีวิตของ “เสี่ยก้อง” หลังจากได้ทำการฌาปนกิจศพ “เสี่ยก้อง” ไปเมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากมาเห็นภาพคลิปแบบเต็มๆ ยาวๆ แล้ว พี่สะใภ้และภรรยาเกิดข้อสงสัยการเสียชีวิตของ “เสี่ยก้อง” คงไม่ใช่แค่ตกจากรถธรรมดา น่าจะมีการถูกทำร้ายก่อนมากกว่า
น.ส.พภัสสรณ์ ภรรยา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุสามีได้พาตนเองไปส่งยังคลินิก เพื่อตรวจร่างกาย โดยมีตนเอง สามี และลูกสาวไปด้วย จากนั้น น.ส.แหม่ม หญิงสาวคนสนิทของ “เสี่ยก้อง” มาปรากฏตัวบริเวณหน้าคลินิก สามีจึงเดินออกไปพบกับ น.ส.แหม่ม และเกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน เสียงดังมาก บริเวณรถกระบะป้ายแดง ที่มี น.ส.แหม่ม เป็นคนขับมา กระทั่งตนเองเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน เนื่องจากตรวจร่างกายเสร็จแล้ว น.ส.แหม่ม ได้เดินเข้ามาหาตน คาดว่าน่าจะให้ตนเคลียร์เรื่องที่ว่า สามีตนจะอยู่กับใคร ระหว่างตนกับ น.ส.แหม่ม ซึ่งตนเองไม่สนใจ เพราะมีลูกสาวไปด้วย ไม่อยากให้ลูกทราบเรื่องของผู้ใหญ่ ก่อนที่สามีกับ น.ส.แหม่ม จะพากันขึ้นรถกระบะป้ายแดงออกไป จนเกิดเหตุตามคลิป และจริงๆ แล้วไม่ควรจะเคลื่อนย้ายสามี ควรให้ทางมูลนิธิฯ หรือผู้ชำนาญไปเคลื่อนย้ายจะดีกว่า เพราะรู้ว่าจะเคลื่อนย้ายอย่างไรให้ปลอดภัย จากที่อาจจะยังไม่เสียชีวิต แต่การเคลื่อนย้ายไม่ถูกต้องจึงทำให้เสียชีวิตก็เป็นได้
ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องสอบสวนจากกล้องวิดีโอ พร้อมกับผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นอีกครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว การใช้รถมีกฎหมายว่าเข้าข่ายความประมาทหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตั้งแต่เห็นคลิปทั้งหมดแล้ว การที่ฝ่ายผู้เสียหายนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมก็เป็นเรื่องที่ดี ทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสอบสวนต่อไปแล้ว รอให้หลักฐานชัดเจนก็จะแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการเสียชีวิตต่อไป
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) เวลา 14.30 น. น.ส.เเหม่ม เเละนายเจฟ น้องชาย ได้เข้าพบ “ทนายเดชา” เพื่อขอคำปรึกษาทางคดี ก่อนจะเเถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมกับนำคลิปจากกล้องหลังรถ มาเปิดเผยเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า หลังเกิดเหตุมีการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจริง โดยคลิปจากกล้องหลังรถเป็นเหตุการณ์ขณะที่ น.ส.แหม่ม และน้องชาย กำลังปฐมพยาบาล และนำ “เสี่ยก้อง” ขึ้นรถเพื่อส่งโรงพยาบาล
น.ส.เเหม่ม ยืนยันว่า ไม่ได้วางแผนฆ่า “เสี่ยก้อง” ก่อนเกิดเหตุ ตอนอยู่บนรถ ตนเองกับ “เสี่ยก้อง” มีปากเสียงกันมาตลอดทาง เรื่องที่จับได้ว่าฝ่ายชายยังไม่เลิกกับภรรยา เเละภรรยายังท้องด้วย เพราะตอนที่คบกัน ผู้ตายอ้างว่าเลิกกับภรรยาไปเเล้ว ดังนั้นจึงจะพาผู้ตายไปบ้านภรรยาหลวง เพื่อจะเคลียร์กันให้รู้เรื่อง เเต่ผู้ตายไม่ยอมไป ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงจากรถ เพื่อประชด
เเต่หลังจากเกิดเหตุ หลังคลิปจบ ตนเองเเละน้องชายพยายามจะช่วยกันอุ้มผู้ตายขึ้นรถ เพื่อนำส่งโรงพยาบาล เเต่สังเกตเห็นว่า ผู้ตายมีอาการบาดเจ็บที่ขา จึงไม่กล้าเคลื่อนย้าย จึงโทรเเจ้งกู้ภัยให้มารับตัวส่งโรงพยาบาลเเทน
ส่วนความเร็วของรถขณะเกิดเหตุ ไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเต่จังหวะที่ผู้ตายกระโดด เป็นจังหวะที่ตนเองเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ดูเหมือนรถพุ่ง เเต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเร่งเครื่อง
ทั้งนี้ ตนเองรักผู้ตายมาก หลังจากทราบข่าวว่าญาติเข้าเเจ้งความ ก็เสียใจมาก เพราะตลอดระยะเวลาที่คบหากับผู้ตาย ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวผู้ตายมาโดยตลอด ทุกคนรับรู้ว่าเราคบกัน เเต่วันนี้ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามี
ด้าน “ทนายเดชา” เปิดเผยแนวทางหลังจากนี้ว่า การที่ญาติผู้ตายกล่าวหา น.ส.เเหม่ม หรือต้องการดำเนินคดี ก็เป็นสิทธิ ซึ่งทาง น.ส.เเหม่ม ก็มีสิทธิที่จะสู้คดี สำหรับหลักฐานในทางคดี คือ คลิปที่ผู้ตายตกลงจากรถ ซึ่งชัดเจนเเล้วว่ากระโดดลงจากรถเอง หลังจากนี้ต้องไปสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตนเองรับเป็นที่ปรึกษาทางคดีให้. – สำนักข่าวไทย