ปักกิ่ง 10 ม.ค. – ประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (เอ็นดีอาร์ซี) เผยว่า จีนจะลดกำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็กกล้าลงอย่างต่อเนื่อง หวังคลี่คลายปัญหาอุปทานล้นตลาดที่กลายเป็นปมความขัดแย้งด้านการค้ากับประเทศคู่เจรจา
นายสวี เช่าฉื่อ ประธานเอ็นดีอาร์ซีกล่าวว่า จีนบรรลุเป้าหมายในการปรับลดกำลังการผลิตเมื่อปีที่แล้ว โดยสามารถผลักดันให้แรงงานในอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็กกล้าหลายแสนคนโอนย้ายไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่นแทน เมื่อปีที่แล้ว จีนปรับลดกำลังการผลิตเหล็กกล้าลงได้ทั้งสิ้น 45 ล้านตันและถ่านหิน 250 ล้านตัน ส่งผลให้แรงงานเหล็กและแรงงานเหมือง 800,000 คนได้รับผลกระทบ แต่รัฐบาลสามารถจัดหางานใหม่ให้กับแรงงานเหล่านี้ได้แล้วกว่า 700,000 คน แม้ว่าจะเกิดกระแสต่อต้านนโยบายลดกำลังการผลิต ที่สร้างความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการว่างงานและเสถียรภาพทางด้านสังคม แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเผยว่า กำลังดำเนินงานเพื่อลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะสั่งปิดโรงงานผลิตที่มีภาระหนี้สินสูงจนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ โดยนอกจากการลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและถ่านหินแล้ว กำลังมีการลดกำลังผลิตในอุตสาหกรรมซีเมนต์และแก้วด้วย
จีนถูกบรรดาประเทศคู่เจรจาตำหนิว่าทำให้เกิดอุปทานส่วนเกินในตลาดเหล็กกล้า ถ่านหิน ซีเมนต์ และแก้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐกล่าวหาจีนว่า ทำการค้าอย่างไม่เป็นธรรม และข่มขู่ว่า จะใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้จีน ด้านนายสวีกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นต่างกันในเรื่องการค้า แต่เขาร้องขอให้สหรัฐและจีนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาบนพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน
ประธานเอ็นดีอาร์ซีประเมินว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตราวร้อยละ 6.7 ในปีที่แล้ว ขณะที่ทางการตั้งเป้าอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6.5-7 ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานอัตราเงินเฟ้อปี 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เร่งตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 1.4 เมื่อปี 2558.-สำนักข่าวไทย