ทำเนียบรัฐบาล 20 ม.ค.-“วิษณุ” เผยกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับเสร็จแล้ว คาดส่งให้ ครม.พิจารณาสัปดาห์หน้า ก่อนส่งต่อให้สภาฯ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.(ฉบับที่..) พ.ศ. ……และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง(ฉบับที่..) พ.ศ. ……ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งร่างให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา คาดว่าจะเสนอในสัปดาห์หน้า ก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.(ฉบับที่..) พ.ศ. ….. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง(ฉบับที่..) พ.ศ. ….ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เสร็จสิ้นแล้ว และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือลงวันที่ 17 มกราคม แจ้งมายังเลขาธิการกกต.ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญ สมควรที่กกต.จะจัดให้รับฟังความคิดเห็น วิเคราะห์ผลกระทบเพิ่มเติม และขอให้กกต.แจ้งยืนยันความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับที่ตรวจพิจารณาแล้วไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 5 วัน นับจากวันที่รับร่างกฎหมาย พร้อมจัดทำรายงานผลการรับฟังความคิดเห็น รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมายและแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองให้สอดคล้องด้วย
สำหรับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..)พ.ศ. …..ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจและยกร่างขึ้นใหม่มีทั้งสิ้น 32 มาตรา สาระสำคัญกำหนดให้มีส.ส.แบบแบ่งเขตจำนวน 400 คน ซึ่งเป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครเป็นรายบุคคลตามการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำหนดเขตละ 1 คน และมีส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 100 คน ซึ่งเป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้น โดยเลือกเพียงพรรคการเมืองเดียวทั้งประเทศ ให้กกต.ประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครแบบแบ่งเขตและของพรรคการเมือง ที่จะใช้จ่ายในการเลือกตั้ง กรณีที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองได้ใช้จ่ายไปเพื่อการเลือกตั้งเป็นจำนวนเท่าใด ให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองด้วย และให้กกต.หารือหัวหน้าพรรคและให้มีการทบทวนการกำหนดจำนวนเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับความจำเป็นสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างน้อยทุก 4 ปี
ทั้งนี้ แก้ไขมาตรา 73 ให้การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งครอบคลุมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง การกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดยการออกเสียงลงคะแนนให้ใช้บัตรเลือกตั้งส.ส. แบบละ 1 ใบซึ่งต้องมีลักษณะแตกต่างที่สามารถจำแนก ออกจากกันได้อย่างชัดเจน บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ต้องมีช่องทำเครื่องหมายและหมายเลขไม่น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้น ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องมีการทำช่องเครื่องหมายและหมายเลขของบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองและชื่อพรรคการเมือง พร้อมภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองครบทุกพรรคที่ส่งสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
ส่วนการแก้ไขปัญหาบัตรเขย่ง กำหนดให้ในกรณีที่ผลการนับคะแนนปรากฏว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ออกเสียงลงคะแนน เมื่อกกต. ได้รับรายงานจากคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.)ให้สั่งให้นับคะแนนใหม่หรือออกเสียงลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั้งนั้น เว้นแต่กกต.จะมีความเห็นว่าความไม่ถูกต้องตรงกันนั้นไม่ได้เกิดจากการทุจริต และไม่ได้ทำให้ผลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะสั่งให้ยุติก็ได้
สำหรับการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ กำหนดไว้ 4 ขั้นตอน คือ 1.ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกัน 2. หารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน 3. นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ หารด้วยคะแนนเฉลี่ยต่อส.ส. 1 คน โดยให้ถือผลลัพธ์ที่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นจำนวนเต็ม คือจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ
4. หากจัดสรรแล้วยังได้ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100คน ให้พรรคการเมืองที่มีผลลัพธ์ที่เป็นเศษโดยไม่มีจำนวนเต็มและพรรคการเมืองที่มีเศษ หลังจากคำนวณในขั้นตอนที่ 3 พรรคใดมีเศษจำนวนมากที่สุดให้ได้รับจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออีก 1 คนเรียงตามลำดับจนกว่าจะมีจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ครบ 100 คน 5.กรณีถ้าในลำดับใดมีเศษเท่ากันแล้วจะทำให้จำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อเกินจำนวน 100 คนให้ตัวแทนพรรคการเมืองที่มีเศษเท่ากันจับสลากเพื่อให้ได้ส.ส. บัญชีรายชื่อครบจำนวน และเมื่อกกต. ตรวจสอบแล้วมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมให้ประกาศผลผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส. บัญชีรายชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็วแต่ต้องไม่ช้ากว่า 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ยกเลิกมาตรา 131 ในพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.เดิม ที่กำหนดว่าภายใน 1 ปีหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป ถ้ามีการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตใหม่ เพราะเหตุการเลือกตั้งในเขตนั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรมให้คำนวณจำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อใหม่ นอกจากนี้ กำหนดในลักษณะของบทเฉพาะกาลว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 ซึ่งมีอยู่ในวันก่อนวันที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. แก้ไขเพิ่มเติมนี้ใช้บังคับ ถ้ายังคงมีผลใช้บังคับต่อไป สำหรับการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปและการดำเนินการใดๆตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส 2561 ให้มีผลใช้บังคับได้กับการดำเนินการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นภายหลังวันที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.แก้ไขเพิ่มเติ่มนี้ใช้บังคับ
ทั้งนี้ การตรวจแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวของคณะกรรมการกฤษฎีกา มีการตัดหลายประเด็นที่กกต.เสนอ อาทิ การลดเวลาการเลือกตั้งเหลือ 08.00 -16.00 น. ระยะเวลาในการแบ่งเขตเลือกตั้ง 90 วัน วิธีการรับสมัครและการได้หมายเลขของผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจและยกร่างใหม่รวม 5 มาตรา สาระสำคัญเป็นการแก้ไขมาตรา 51 เกี่ยวกับการสรรหาผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง โดยกำหนดให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา สถานที่ ในการเสนอรายชื่อบุคคลเป็นผู้สมัครและมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดแล้วประกาศให้สมาชิกทราบ โดยผู้มีสิทธิ์เสนอรายชื่อได้แก่ คณะกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด สำหรับการคัดเลือกผู้สมัคร กำหนดให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดประชุมเพื่อให้สมาชิกลงคะแนนเลือกบุคคลในบัญชีรายชื่อ โดยให้สมาชิกลงคะแนนเลือกได้คนละไม่เกิน 10 รายชื่อ ซึ่งการประชุมสาขาพรรคการเมืองต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 100 คน หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 15 คน เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้วให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ประกาศผลการนับคะแนนของสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้นแล้ว รายงานไปยังคณะกรรมการสรรหาโดยเร็ว นอกจากนี้กำหนดให้พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ไม่มีผลกระทบต่อการสรรหาสมาชิกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่มีอยู่แล้วหรือส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่แล้วในวันที่พ.ร.ป.แก้ไขเพิ่มเติมนี้ใช้บังคับ.-สำนักข่าวไทย